สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ 2 คดี รวบหนุ่มแดนมังกรนักเว็บพนัน หลอกเหยื่อ 2,500 ล้าน หนีเข้าไทย และแกะรอยรวบหนุ่มปากีสวมตัวทำบัตรฟอกตัวเป็นไทย

สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ 2 คดี รวบหนุ่มแดนมังกรนักเว็บพนัน หลอกเหยื่อ 2,500 ล้าน หนีเข้าไทย และแกะรอยรวบหนุ่มปากีสวมตัวทำบัตรฟอกตัวเป็นไทย

วันนี้ (16 ก.พ.67) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.มานัด ศรีวงษา รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ศุภโชค หยงสตาร์ รอง ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.ท.กฤตกรอิชณน์ คงขำ สว.ตม.จว.ปัตตานี ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง 2 คดี

ตามนโยบายของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. รวมทั้ง พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ สตม. สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือ กลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

คดีแรก รวบหนุ่มแดนมังกรนักเว็บพนันรวมหัวหลอกผู้เสียหายร่วม 2,500 ล้านบาท เพื่อส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดน : กก.1 บก.สส.สตม. จับกุม นายหวง มิน (นามสมมติ) อายุ 32 ปี สัญชาติจีน และกัมพูชา ผู้ต้องหาตามหมายจับระหว่างพิจารณาของศาลอาญา ที่ 97/2567 ลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์สินของรัฐและประชาชน (ออกหมายจับผู้ร้ายข้ามแดน) นำตัวส่งพนักงานอัยการ สำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด ดำเนินการตามพระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551 มาตรา 16 สถานที่จับกุม แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ สืบเนื่องจากสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ร้องขอให้ทางการประเทศไทยจับกุมตัวชั่วคราว นายหวง มิน (นามสมมติ) อายุ 32 ปี สัญชาติจีน เพื่อส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปดำเนินคดีที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์สินของรัฐและประชาชน อันเป็นความผิดตามมาตรา 266 ของประมวลกฎหมายอาญาแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีพฤติการณ์กระทำความผิด กล่าวคือ เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2566 สำนักงานตำรวจความมั่นคงสาธารณะนครเทียนจิน สาขาหนานไค ได้ยื่นฟ้องและดำเนินการสอบสวนนายหวง มิน และพวกในข้อหากระทำผิดฐานฉ้อโกง หลังจากที่สอบสวนพบว่า นายหวง มิน ได้สมรู้ร่วมคิดกันกับพวกเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่ผิดกฎหมายโดยใช้แพลตฟอร์มการพนัน “WANHE Football” ของต่างประเทศ จัดตั้งแก๊งฉ้อโกง “ZHONGHE” ในประเทศจีน และใช้การเงินและการลงทุนเป็นข้ออ้างหลอกลวงนักลงทุน และใช้วิธีการอ้างว่า แพลตฟอร์มการพนัน “WANHE Football” เป็นโครงการการลงทุนการแข่งขันกีฬารูปแบบใหม่ ให้นักลงทุนในประเทศจีนเข้าร่วมการพนันและได้รับผลกำไรโดยวิธี “การเดิมพันตรงกันข้าม” โดยนายหวง มิน เป็นหนึ่งในสมาชิกหลักของแก๊งฉ้อโกงมีหน้าที่รับผิดชอบในการประชาสัมพันธ์ต่อสาธารณะและดึงดูดนักลงทุนให้เข้าร่วมการพนัน ตั้งแต่เดือน มีนาคม 2565 ถึงเมษายน 2566 นายหวง มิน ได้ร่วมกับพวกหลอกลวงผู้เสียหายหลายร้อยคนมีมูลค่าความเสียหายร่วม 500 ล้านหยวน (ประมาณ 2,500 ล้านบาท) ต่อมาจากการรวบรวมพยานหลักฐาน เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2566 สำนักงานอัยการประชาชนเขตหนานไค นครเมียนจิน จึงได้อนุมัติหมายจับนายหวง มิน ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์สินของรัฐและประชาชน จากการสืบสวนของทางการสาธารณรัฐประชาชนจีน พบว่านายหวง มิน ได้หลบหนีคดีเดินทางออกนอกประเทศ และได้ใช้หนังสือเดินทางกัมพูชาเดินทางเข้ามาในประเทศไทย จึงได้ร้องขอให้ทางการไทยจับกุมตัวชั่วคราว นายหวง มิน เพื่อส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปดำเนินคดีที่สาธารณรัฐประชาชนจีน พนักงานอัยการ สำนักงานต่างประเทศ จึงได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลอาญาออกหมายจับนายหวง มิน และได้ส่งหมายจับมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อทำการจับกุม

คดีที่ 2 ตม.จว.ปัตตานี แกะรอยรวบหนุ่มปากีสวมตัวทำบัตรฟอกตัวเป็นไทย : ตม.จว.ปัตตานี ร่วมกับ ตม.จว.ภูเก็ต และ สภ.แม่ลาน จว.ปัตตานี จับกุม นาย JAFFAR (นามสมมติ) อายุ31 ปี สัญชาติปากีสถาน ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดปัตตานี ที่ จ.47/2567 ลงวันที่ 19 มกราคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “สนับสนุนให้เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตและสนับสนุนเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ทำเอกสารกรอกข้อความลงในเอกสาร หรือดูแลรักษาเอกสาร กระทำการปลอมแปลงเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่ตน มีหน้าที่และร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ, ร่วมกันแจ้งข้อความหรือพยานหลักฐานอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานในการขอมีบัตร, กระทำเพื่อให้ผู้ไม่มีสัญชาติไทยมีรายการเอกสารการทะเบียนราษฎร์อื่นโดยมิชอบ” นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่ลาน จว.ปัตตานี ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุมได้ที่บริเวณหน้าบ้านพัก ถ.สุรินทร์ ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต จว.ภูเก็ต

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่อง เมื่อเดือน พฤษภาคม 2562 ตม.จว.ปัตตานี ได้จับกุมนาย IKRAM (นามสมมติ) อายุ 24 ปี สัญชาติปากีสถาน ในข้อหา เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน และได้ดำเนินการผลักดันออกนอกราชอาณาจักร จากการออกสืบสวนในพื้นที่ยังสืบทราบข้อมูลว่ายังมีชาวปากีสถานแอบลักลอบทำงานในพื้นที่ จึงได้ออกตรวจเอ็กซเรย์พื้นที่พบ นายซามิฯ (นามสมมติ) ลักษณะคล้ายคนต่างด้าว ได้แสดงบัตรประจำตัวประชาชนสัญชาติไทย ชุดสืบสวนจึงได้ทำการจัดเก็บข้อมูลเพื่อสืบสวนเพิ่มเติม และได้ทำการตรวจสอบกับนายทะเบียนอำเภอแม่ลาน พบว่าบัตรประชาชนดังกล่าวได้มาโดยไม่ชอบ จึงดำเนินการจำหน่ายบัตรดังกล่าวที่นายซามิฯ แสดง และได้แจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.แม่ลาน เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายซามิฯ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ต่อมาชุดสืบสวนได้จับกุมนายซามิฯ ในข้อหาใช้หรือแสดงบัตรฯลฯ, เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรไม่ได้รับอนุญาต และทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.แม่ลาน ดำเนินคดีตามกฎหมาย

นอกจากนี้ จากการประสานข้อมูลกับนายทะเบียนอำเภอแม่ลานยังทราบว่านาย IKRAM ที่เคยโดนจับกุม และถูกผลักดันส่งกลับออกนอกราชอาณาจักร มีความสัมพันธ์เป็นพี่ชายของนายซามิฯ และมีการสวมบัตรประชาชนเช่นเดียวกับนายซามิฯ ต่อมาทางอำเภอแม่ลานได้ทำการจำหน่ายบัตรฯ อีกจำนวน 9 บัตร และได้แจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.แม่ลาน เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยศาลจังหวัดปัตตานีได้อนุมัติออกหมายจับผู้ถือบัตรดังกล่าว จำนวน 9 หมายจับ รวมของนาย IKRAM ซึ่งจากคำให้การของซามิฯ ทราบว่าผู้ต้องหารายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในราชอาณาจักรไทย ต่อมาชุดสืบสวน ตม.จว.ปัตตานี ได้นำหมายจับทั้ง 9 หมาย มาตรวจสอบพบว่า หมายจับศาลจังหวัดปัตตานี ที่ จ.425/2564 ลงวันที่ 29 ธันวาคม 2564 ระบุชายไม่ทราบชื่อตามรูปภาพ บุคคลตามหมายจับนี้น่าจะกระทำความผิดด้วยการสวมบัตรประจำตัวประชาชนของนายอับดุลราชีพ โดยแนวทางการสืบสวนพบว่าบุคคลดังกล่าวน่าจะเป็นบุคคลคนเดียวกัน จากการนำข้อมูลการเปิดบัญชีธนาคาร ข้อมูลทางโซเชียล (FACEBOOK) โพสต์รูปงานพิธีแต่งงานกับภรรยาซึ่งเป็นคนไทย ในการ์ดงานแต่งระบุชื่อ นาย JAFFAR พร้อมทั้งมีการนำภาพถ่ายจากหมายจับและภาพถ่าย นาย JAFFAR มาเปรียบเทียบผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (BIOMETRIC) จึงรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานทั้งหมดพร้อมทำรายงานการสืบสวนนำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.แม่ลาน จว.ปัตตานี เพื่อขอให้ศาลพิจารณาเปลี่ยนหมายจับจากหมายจับตามรูปภาพ ขอระบุชื่อ ชื่อสกุลสัญชาติ และหมายเลขหนังสือเดินทางของผู้กระทำความผิดตามหมายจับดังกล่าว กระทั่งศาลจังหวัดปัตตานีได้อนุมัติหมายจับ ที่ จ.47/2567 ลงวันที่ 19 มกราคม 2567 ในฐานความผิด ” ร่วมกันแจ้งข้อความหรือพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ ต่อเจ้าพนักงานในการขอมีบัตรฯลฯ” จากการสืบสวนของ ตม.จว.ปัตตานี ทราบว่า นาย JAFFAR พักอยู่ที่บ้านพักใน ย่าน ถ.สุรินทร์ ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต จว.ภูเก็ต จึงได้ไปตรวจสอบ เมื่อพบนาย JAFFAR จึงได้แสดงหมายจับและจับกุมนำตัวส่งพนักงานสวบสวน สภ.แม่ลาน จว.ปัตตานี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิด ในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิม พระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th

Leave a Reply

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com
Share via
Copy link