กรุงเทพฯ-สสภช.จับมือคนสื่อภูมิภาคทั่วไทยกว่า 100องค์กร แถลงข่าวแสดงจุดยืน และจ่อยื่นหนังสือทวงถาม บิ๊กตู่ แนวทางปฏิรูปสื่อไทย ประชาธิปไตยที่ปลายอุโมงค์

วันนี้(14 พ.ค.61)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 14.00 น. ที่ ห้องประชุม(ห้องอาหารดุสิตา)โรงแรมดุสิตเพลส กรุงเทพฯ นายเกษม แก้วบริสุทธิ์ ประธานสภาวิชาชีพสื่อมวลชนภูมิภาคแห่งชาติ และคณะกรรมการสภาวิชาชีพสื่อมวลชนภูมิภาคแห่งชาติ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน หลังจากการประชุมคณะกรรมการสภาวิชาชีพสื่อมวลชนภูมิภาคแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2561 ตั้งแต่เวลา 09.00 น.-13.00 น.ที่ผ่านมา

ซึ่งการแถลงข่าวดังกล่าว ระบุว่า สภาวิชาชีพสื่อมวลชนภูมิภาคแห่งชาติ (สสภช.) ซึ่งรวมสื่อมวลชนภูมิภาคจากทั่วประเทศกว่า100 องค์กร เฝ้ามองการร่างแผนปฏิรูปประเทศด้านสื่อสารมวลชนด้วยความตั้งใจและให้กำลังใจ เห็นความสำคัญว่าจะเป็นแนวทางในการดำเนินการของสื่อมวลชนทั้งประเทศ สสภช.เข้าร่วมในการเสนอความเห็นในแผนปฏิรูปประเทศอย่างต่อเนื่อง ยืนยันและเห็นด้วยในหลักการควบคุมกันเอง (Self-regulate) ที่คณะกรรมการร่างแผนปฏิรูปประเทศด้านสื่อสารมวลชน และเทคโนโลยีสารสนเทศได้ประกาศไว้

หลังประกาศใช้แผนปฏิรูปประเทศด้านสื่อสารมวลชนในราชกิจจานุเบกษา ตั้งแต่วันที่ 6 เมษายน 2561 สสภช.ได้ใช้เวลาศึกษารายละเอียด และพบว่าแผนปฏิรูปได้เสนอแนวทางที่ขัดกับหลักการควบคุมกันเอง (Self-regulate) ตามที่ผู้ประกอบการวิชาชีพสื่อมวลชนได้เห็นพ้อง และมอบอำนาจให้กับกรรมการร่างฯภายใต้ความเชื่อมั่นว่าคณะกรรมการร่างฯจะดำเนินการตามแนวทางที่มีฉันทามติร่วมกัน
ดังประเด็นต่อไปนี้
1. แผนปฏิรูปประเทศด้านสื่อสารมวลชนกำหนดให้มี”คณะกรรมการสภาวิชาชีพสื่อมวลชนแห่งชาติ ทำหน้าที่ควบคุมดูแลและกำกับกันเองในหมู่ผู้ประกอบวิชาชีพ แต่กลับกำหนดให้”คณะกรรมการสรรหา”กรรมการสภาวิชาชีพ มาจากคณบดี หัวหน้าภาควิชา หรือผู้แทนคณะภาควิชาทางด้านนิเทศศาสตร์ เท่านั้นทั้ง9คน โดยไม่มีสื่อมวลชนเข้าร่วม ย่อมขัดกับหลักการควบคุมกันเอง (Self-regulate) แต่ต้น เพราะหากยึดหลักควบคุมกันเองตามสากล องค์กรควบคุมกันเองของสื่อมวลชน ย่อมต้องมีที่มาจากสื่อมวลชน เช่นเดียวกับที่ดำเนินการในกลุ่มแพทย์ วิศวกร สถาปนิก ทนายความ ฯ

อนึ่งสัดส่วนกรรมการสภาวิชาชีพ ซึ่งจะเป็นองค์กรหลักในการควบคุมกันเองของสื่อมวลชน ประกอบด้วยกรรมการ9คน ในจำนวนนั้นมีสื่อมวลชนเพียง5 คน ซึ่งแม้จะขัดกับหลักการควบคุมกันเอง เพราะมีตัวแทนจากภายนอกเข้าร่วม แต่สสภช.น้อมรับในสัดส่วนดังกล่าว เพราะเชื่อว่าภาคประชาชนที่เข้าร่วม จะทำงานร่วมกับสื่อมวลชนภายใต้หลักการควบคุมกันเองได้อย่างไร้อคติ มุ่งประโยชน์ส่วนรวมร่วมกัน
2. แผนปฏิรูปประเทศกำหนดว่าต้องมีการร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมจริยธรมและวิชาชีพสื่อมวลชน เพื่อใช้บังคับควบคุมการทำงานของสื่อมวลชนทั้งประเทศ โดยกำหนดให้ร่างและประกาศใช้ภายในปี2561 แต่จนถึงปัจจุบันสื่อมวลชนไม่มีโอกาสรับรู้ถึงความคืบหน้าในการร่างกฎหมายดังกล่าว ไม่มีส่วนร่วมในการร่าง และรับทราบเนื้อหาของกฎหมายที่จะนำมาบงคับใช้กับสื่อมวลชนทั่วประเทศ

สสภช.ตระหนักดีว่าแผนปฏิรูปประเทศ ไม่ได้มีฐานะเป็นกฎหมายหากแต่เป็นแนวทาง(guideline) ในการดำเนินการ ซึ่งสามารถแก้ไขปรับเปลี่ยนได้ตามสมควร สสภช. จึงเสนอต่อปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้รับผิดชอบในการกำหนดแผนดำเนินการตามแผนปฏิรูปประเทศ กับเป็นผู้รักษาการก่อนการได้มาซึ่งกรรมการสภาวิชาชีพสื่อมวลชนแห่งชาติ ให้พิจารณาดังต่อไปนี้
1.ทบทวนที่มาของกรรมการสรรหากรรมการสภาวิชาชีพ โดยยึดหลักควบคุมกันเองอย่างเคร่งครัด
2.เปิดเผย เปิดโอกาส ให้สื่อมวลชน และสาธารณชน ได้เข้าถึงและรับทราบรายละเอียดของกระบวนการร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมจริยธรรมและวิชาชีพสื่อมวลชน เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้แสงความคิดเห็นต่อกฎหมายที่จะมีผลบังคับใช้ต่อวิชาชีพนี้ และที่จะมีผลต่อผู้รับสารและสังคมวงกว้างในระยะยาว
สสภช.ตั้งมั่นในสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชน สิทธิของประชาชนในการรับรู้ข่าวสารที่เป็นจริงและเที่ยงธรรม ภายใต้หลักการควบคุมกันเอง และยินดีจะปฏิบัติตามภายใต้หลักการใดๆก็ตาม ที่จะส่งเสริมให้สื่อมวลชนได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างสมบูรณ์ เพื่อประโยชน์ของสาธารณชน และพร้อมจะท้วงติงในสิ่งที่ขัดกัน

Leave a Reply

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com
Share via
Copy link