กรมทางหลวง ชี้แจง กรณี การเผยแพร่คลิปวิดีโอในสื่อสังคมออนไลน์เรื่องคลิปอุบัติเหตุภายในอุโมงค์304 ทางเชื่อมผืนป่า ว่าเป็นคลิปของต่างประเทศ วอนหยุดแชร์

กรมทางหลวง ชี้แจง กรณี การเผยแพร่คลิปวิดีโอในสื่อสังคมออนไลน์เรื่องคลิปอุบัติเหตุภายในอุโมงค์304 ทางเชื่อมผืนป่า ว่าเป็นคลิปของต่างประเทศ วอนหยุดแชร์

วันที่ 8 สิงหาคม 2561 ตามที่ได้มี การเผยแพร่คลิปวิดีโอในสื่อสังคมออนไลน์เรื่องคลิปอุบัติเหตุภายในอุโมงค์304 ทางเชื่อมผืนป่าเนื้อหาระบุ ว่า “ ทางลอดอุโมงค์ขึ้นเขา ปักธงชัย-กบินทร์บุรี 304 ขับขี่รถเข้า-ออกอุโมงค์ ระวังด้วย สายตายังปรับ แสงไม่ทัน ลดความเร็ว ลงจะได้ปลอดภัยครับ! ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กรมทางหลวงขอเรียน ชี้แจง ข้อเท็จจริงดังนี้ คลิปดังกล่าวเป็นคลิปที่เกิดขึ้นในอุโมงค์ที่ต่างประเทศ ไม่ได้เป็นคลิปที่เกิดจากการใช้ อุโมงค์ บนทางหลวงหมายเลข304 ช่วงเชื่อมผืนป่าแต่อย่างใด
ปัจจุบันกรมทางหลวงเปิดใช้อุโมงค์บนทางหลวงหมายเลข304 (ทางเชื่อมผืนป่า)เป็นการชั่วคราวและได้มีการติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่างภายในอุโมงค์ โดยมีการปรับแสงสว่างให้เหมาะสมทั้งเวลากลางวันและกลางคืน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งโครงการประมาณเดือน มกราคม 2562 ทั้งนี้กรมทางหลวงขอแนะนำข้อควรปฏิบัติเพื่อป้องกันอันตรายจากการขับรถผ่านอุโมงค์ทางลอด ดังนี้
– ให้ใช้ความเร็วตามป้ายเตือนของงานก่อสร้าง (ไม่เกิน 30 กม./ชม.)
– เพิ่มความระมัดระวังในการขับรถ โดยเฉพาะในช่วงฝนตก สภาพถนนเปียกลื่น มีน้ำท่วมขังเส้นทาง และสภาพการจราจรติดขัด ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงอุบัติเหตุ

– ไม่ขับรถย้อนศร ไม่ขับชิดท้ายรถคันหน้าในระยะกระชั้นชิดเพราะจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าในระยะไม่ต่ำกว่า 25 เมตร หากรถคันหน้าหยุดรถกะทันหัน จะช่วยให้มีระยะในการหยุดรถได้อย่างปลอดภัยขับรถผ่านอุโมงค์ทางลอด
– ขับรถให้อยู่กึ่งกลางช่องทางจราจร ไม่ให้มีการเปลี่ยนช่องจราจร เพราะรถที่ขับตามหลังมาอาจหยุดไม่ทัน ก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้
– ไม่หยุดหรือจอดรถในอุโมงค์หากจำเป็นต้องจอดรถ ควรเปิดไฟฉุกเฉิน เพื่อส่งสัญญาณเตือนให้ผู้ขับรถคันอื่นเพิ่มความระมัดระวัง
– ไม่ใช้อุโมงค์ทางลอดเป็นที่หลบฝนโดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ เพราะผู้ขับรถคันอื่นอาจมองไม่เห็นรถที่จอด ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
ทั้งนี้ ผู้ขับขี่ควรเพิ่มความระมัดระวังในการขับรถเข้าและออกจากอุโมงค์ทางลอด เนื่องจากการขับรถจากที่มืดออกสู่ที่สว่าง สายตาต้องใช้ระยะเวลาในการปรับแสงประมาณ 3 วินาที จึงสามารถเห็นเส้นทางได้อย่างชัดเจน ขณะที่การขับรถจากที่สว่างเข้าสู่ที่มืด ใช้เวลาประมาณ 6 วินาที แม้จะเป็นระยะเวลา ไม่นานมากนัก แต่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ รวมถึงขอความร่วมมือผู้ใช้เส้นทางปฏิบัติตามป้ายเตือนป้ายแนะนำ ของกรมทางหลวง รวมทั้งตามนโยบายกระทรวงคมนาคม ได้แก่ ขับรถช้า เปิดไฟหน้า คาดเข็มขัด ทั้งนี้สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่สายด่วนกรมทางหลวง1586 โทรฟรี 24 ชม.

ฝ่ายประชาสัมพันธ์

Leave a Reply

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com
Share via
Copy link