สตม.แถลงข่าวจับกุม บริษัทที่ดำเนินกิจการในลักษณะเป็น นอมินี ให้กับบุคคลต่างด้าว”

สตม.แถลงข่าวจับกุม บริษัทที่ดำเนินกิจการในลักษณะเป็น นอมินี ให้กับบุคคลต่างด้าว”
ตามนโยบายของรัฐบาล มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดและส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อให้การปราบปรามอาชญากรรมดังกล่าวเกิดความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้จัดตั้งศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) อำนวยการโดย พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม. , พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รรท.ผบก.ตม.3 ,พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รรท.ผบก.จร., พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รรท.ผบก.สส.สตม.
ด้วยทางศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการร้องเรียนให้ทำการตรวจสอบในกรณีที่มีบุคคลต่างด้าวเข้ามาประกอบธุรกิจในประเทศไทยซึ่งได้การก่อตั้งบริษัทจำกัดเป็นจำนวนมาก โดยมีการนำคนไทยเป็นเข้ามาเป็นหุ้นส่วนเพื่อให้สามารถทำการจัดตั้งบริษัทจำกัดได้โดยไม่ขัดต่อระเบียบข้อบังคับ แต่แท้จริงแล้วนั้นคนไทยที่เป็นหุ้นส่วนดังกล่าวกลับมิได้มีส่วนรู้เห็นในการร่วมลงทุน ดูแลบริหาร หรือได้รับผลประโยชน์จากการดำเนินธุรกิจดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งต่อมาหลังจากที่ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมฯได้ทราบเรื่องในกรณีดังกล่าวแล้วนั้น พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบช.สตม. เกรงว่าการกระทำในลักษณะดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อประชาชนคนไทยและเศรษฐกิจในประเทศ อีกทั้งเพื่อเป็นการตรวจสอบบุคคลต่างด้าวที่เข้ามาพักอาศัยอยู่ในประเทศไทย จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ชุดปฏิบัติการที่ 14 และ 19 นำโดย พ.ต.อ.กัมพล รัตนประทีป ผกก.สน.ห้วยขวาง เข้าทำการตรวจสอบในกรณีดังกล่าว
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศฯ ได้เข้าทำการตรวจสอบ บริษัท นิว จอง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ตั้งอยู่ที่ 593/158 ถ.ประชาอุทิศ แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร ซึ่งดำเนินธุรกิจเป็นร้านอาหารเกาหลี โดยจากการตรวจสอบพบว่าบริษัทดังกล่าวมีกรรมการบริษัทจำนวนทั้งหมด 5 คน คือ
1. นางจอง จี ซุก สัญชาติเกาหลีใต้ ถือหุ้นในบริษัทคิดเป็นสัดส่วน 48.99%
2. นายโช ฮยอน ซอล สัญชาติเกาหลีใต้ ถือหุ้นในบริษัทคิดเป็นสัดส่วน 0.005%
3. นางโ ซุน ฮก สัญชาติเกาหลีใต้ ถือหุ้นในบริษัทคิดเป็นสัดส่วน 0.005%
4. น.ส.ณิชานันท์ พันธุ์ควณิชย์ สัญชาติไทย ถือหุ้นในบริษัทคิดเป็นสัดส่วน 30%
5. น.ส.ธนาวรรณ ดิลกโกมล สัญชาติไทย ถือหุ้นในบริษัทคิดเป็นสัดส่วน 21%
ซึ่งจากการสืบสวนสอบสวนพบว่า กรรมการบริษัทผู้ถือหุ้นที่เป็นคนไทยนั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวของหรือรู้เห็นในการบริหารจัดการธุรกิจร้านอาหาร และไม่ได้รับผลประโยชน์หรือกำไรที่มาจากการประกอบธุรกิจดังกล่าว ทั้งในการลงทุนเพื่อเปิดกิจการร้านอาหารนั้นก็เป็นเงินทุนของกรรมการบริษัทที่เป็นคนเกาหลีใต้ทั้งสิ้น แต่ที่มีชื่อเป็นกรรมการบริษัทและถือหุ้นในอัตราส่วนจำนวนมากนั้นก็เพื่อให้สามารถจัดตั้งบริษัทได้โดยไม่ขัดต่อระเบียบข้อบังคับ ซึ่งการกระทำดังกล่าวนั้นเป็นการกระทำในลักษณะ “นอมินี” โดยถือหุ้นแทนให้กับบุคคลต่างด้าว อันเป็นความผิดตาม มาตรา 36 พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 1 แสนบาท – 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ต่อมาวันที่ 1 พ.ย. 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศฯ ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ห้วยขวาง ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ซึ่งเกี่ยวข้องเป็นกรรมการบริษัท นิว จอง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัดดังกล่าว คือ
1. นางจอง จี ซุก สัญชาติเกาหลีใต้ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา
2. นายโช ฮยอน ซอล สัญชาติเกาหลีใต้ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา
ในข้อหา “เป็นคนต่างด้าวยินยอมให้ผู้มีสัญชาติไทยให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุน หรือร่วมกันประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยคนต่างด้าวนั้นมิได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจดังกล่าวหรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยแสดงออกว่าเป็นธุรกิจของตนแต่ผู้เดียว หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในบริษัทจำกัด เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่ง พ.ร.บ.การประกบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542”
3. น.ส.ณิชานันท์ พันธุ์ควณิชย์ สัญชาติไทย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา
4. น.ส.ธนาวรรณ ดิลกโกมล สัญชาติไทย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา
ในข้อหา “เป็นผู้มีสัญชาติไทยให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุน หรือร่วมกันประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยคนต่างด้าวนั้นมิได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจดังกล่าวหรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว โดยแสดงออกว่าเป็นธุรกิจของตนแต่ผู้เดียว หรือถือหุ้นแทนคนต่างด้าวในบริษัทจำกัด เพื่อให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่ง พ.ร.บ.การประกบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542”
จากนั้นจึงได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 รายดังกล่าวส่งพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ขอบคุณข้อมูลข่าวสาร พ.ต.ต.หญิงพัชรี ศรีเผือก สว.ฝอ.5 บก.อก.สตม.

ทีมข่าวเรื่องจริงผานเลนส์รายงาน

Leave a Reply

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com
Share via
Copy link