ราชบุรี  – แบบนี้ก็ได้หรือ.!! ปล่อยนายทุนตักทรายมากว่า 10 ปี จนพื้นที่เสียหายจำนวนมาก

ราชบุรี – แบบนี้ก็ได้หรือ.!! ปล่อยนายทุนตักทรายมากว่า 10 ปี จนพื้นที่เสียหายจำนวนมาก

กำนัน ผญบ. ผช.ผญบ. และชาวบ้านในพื้นที่ติดกับแม่น้ำภาชี หมู่ที่ 14 ต.ด่านทับตะโก อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ร้องทวงถามถึงหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องว่า.. “แบบนี้ก็ได้หรือ.. ปล่อยนายทุนตักทรายมากว่า 10 ปี จนพื้นที่เสียหายจำนวนมาก”

จากกรณีชาวบ้านหมู่ที่ 14 ต.ด่านทับตะโก อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ร้องเรียนว่ามีนายทุนเข้ามาตักทรายในพื้นที่ติดกับแม่น้ำภาชี และทำถนนปิดกันทางน้ำ จนทำให้น้ำเปลี่ยนทิศทางการไหลกัดเซาะพื้นที่สาธารณะเสียหายเป็นจำนวนมาก ที่ผ่านมาไม่เคยมีหน่วยงานเข้ามาตรวจสอบ โดยนายทุนจะอาศัยกว้านซื้อที่ดินที่อยู่ติดกับแม่น้ำภาชีแล้วทำการขุดตัดทรายในช่วงฤดูแล้งจนถึงฤดูน้ำหลากก็จะปล่อยให้กระแสน้ำกัดเซาะพื้นดินที่เป็นทรายที่อยู่เหนือน้ำและข้างเคียงให้ไปรวมในพื้นที่ ซึ่งนายทุนจะอ้างเสมอมาว่ามีการขออนุญาตอย่างถูกต้องจนเมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมาได้มีการร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน ล่าสุดนายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิสุทธิ์ ผอ.เจ้าท่าภูมิภาคที่ 3 เข้ามาตรวจสอบพร้อมให้หยุดตักทรายเพื่อให้จังหวัดตั้งคณะทำงานตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ส่วนวันนี้ 2 พฤศจิกายน 2561 เมื่อเวลา 11.00 น. นายปรีชา ขันทองดี กำนันตำบลด่านทัพตะโก อ.จอมบึง จ.ราชบุรี พร้อมทั้งผู้ใหญ่และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่ได้นำเจ้าหน้าที่จาก สปก.ได้เข้ามาตรวจสอบพื้นที่หลังจากนายทุนนำเสามาปักในเขตพื้นที่ สปก.และอ้างว่ามีการซื้อขายที่ดินเพื่อทำการตักทราย นายทวีศักดิ์ ทองคำ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 80 หมู่ 14 ต.ด่านทับตะโก ได้กล่าวว่า.. ตอนนี้ชาวบ้านได้ร้องเรียนเรื่องที่มีการขุดตัดทรายในพื้นที่ของหมู่ 14 และที่ผ่านมาก็มีรถแบคโฮของนายทุนตักเลยขึ้นมาจากที่ชาวบ้านได้ร้องเรียนซึ่งเป็นพื้นที่ที่ชาวบ้านได้กันไว้เป็นที่สาธารณะ จึงอยากให้หน่วยงานได้ลงมาตรวจสอบในพื้นที่ตรงนี้ด้วยเพราะอยู่ติดกับพื้นที่มีการร้องเรียน เพราะมีรถแบคโฮเข้ามาตักในพื้นที่อยู่ในเขตของสปก. ทำให้ดินริมตลิ่งเริ่มมีการพังทลายลงไป จึงอยากมาตรวจสอบว่าที่ดินที่งอกเงยมาจากลำน้ำ นั้นสามารถถือครองได้หรือไม่ เวลามีรถเข้ามาตักทรายชาวบ้านก็เข้าไปบอกว่า พื้นที่บริเวณนี้ตักทรายไม่ได้เพราะเป็นที่สาธารณะ อยู่ในเขตสปก. เป็นทางสาธารณะและลำน้ำเก่า แต่นายทุนก็อ้างว่าสิทธิ์ว่ามีใบประกอบกิจการ แต่ชาวบ้านก็ไม่รู้ว่าพื้นที่นั้นมีอาณาบริเวณแค่ไหน จึงอยากให้หน่วยงานที่มาตรวจสอบได้ลงมาตรวจสอบในบริเวณนี้ด้วยเพราะมีระยะทางจากจุดที่ชาวบ้านร้องเรียนแค่ไม่ถึง 1 กิโลเมตร และทรายที่มีการตักออกไป ทรายที่อยู่ริมตลิ่งก็จะพังลงไปเรื่อยๆ ทำให้พื้นที่นั้นกว้างขึ้นมาเรื่อยๆ โดยจะมาทำการตักทรายในช่วงหน้าแล้ง โดยจะทำถนนข้ามแม่น้ำมาตักและพอเลิกตักทรายก็จะตักดินที่ถมเป็นถนนกลับไปด้วย แต่ก็ยังร่องรอยถนนที่ทำมาให้เห็นอยู่

สุจินต์ นฤภัย (เต้)

Leave a Reply

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com
Share via
Copy link