ที่ทำการพรรคพลังพลเมืองไทย นายธนชาติ แสงประดับธรรมโชติ ผู้อำนวยการพรรคพลังพลเมืองไทย *เสนอกฎหมายซึ่งอำนวยความสะดวกสำหรับดำเนินชีวิตสำหรับผู้พิการ*

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2561 เวลา 10.30 น. ที่ทำการพรรคพลังพลเมืองไทย
นายธนชาติ แสงประดับธรรมโชติ ผู้อำนวยการพรรคพลังพลเมืองไทย ได้กล่าวว่าในประเทศไทยมีคนพิการประมาณหนึ่งล้านเจ็ดแสนสองหมื่นคน เป็นคนพิการระดับรุนแรงประมาณ ห้าหมื่นคน กระจายอยู่ทั่วประเทศพักจึงเสนอ Model สำคัญสำหรับการดำเนินชีวิตคนพิการ 2 ลักษณะ คือโมเดลสิทธิทางการแพทย์กับโมเดลสิทธิมนุษย์ชนซึ่งโมเดลทางการแพทย์เน้นหนักในเรื่องการจัดอุปกรณ์สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆในการดำเนินชีวิตของคนพิการแต่โมเดลหลัก สิทธิมนุษยชนในเรื่องความเท่าเทียมและสร้างแต้มต่อให้กับคนพิการเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมในทุกรูปแบบและทำการให้คนพิการไม่ถูกแบ่งแยกออกจากคนอื่นในสังคมซึ่งทั้งสองโมเดลสำคัญนี้พักจะดำเนินการไปตามรูปประธรรม 4 ประการคือ
ประการแรก
*เสนอกฎหมายซึ่งอำนวยความสะดวกสำหรับดำเนินชีวิตสำหรับผู้พิการ*
ซึ่งกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิผู้พิการต้องให้คำมั่นได้ว่าหากคุณเป็นคนพิการคุณจะได้รับการช่วยเหลือสนับสนุนในด้านการสาธารณะทุกรูปแบบนับแต่รถโดยสารรถไฟเครื่องบินรถบัสหรือเรือหากในพื้นที่ใดยังไม่ครอบคลุมถึงก็ต้องกำหนดให้ท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินการให้เกิดสิ่งเหล่านั้นในชุมชนที่จะต้องพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะเพื่อทำให้คนพิการเข้าถึงมากขึ้นโดยมีเป้าหมายคือทำให้ ความเท่าเทียมกันการใช้ชีวิตของคนพิการและหลีกเลี่ยงการถูกแยกออกจากสังคมซึ่งจะสอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการที่กล่าวถึงดำเนินชีวิตอิสระของคนพิการประเด็นที่ต้องคำนึงถึงตามหลักสิทธิมนุษยชนปัจจุบันแม้จะมีอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการที่เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกนั้นขั้นพื้นฐานแต่การดำเนินของคนพิการโดยอิสระยังเป็นไปได้ยากคนพิการถูกแยกออกจากการดำเนินชีวิต ทั่วไปเสมอดูตัวอย่างรถขสมกคนพิการพยายามเรียกร้องให้มีทางขึ้นลงรถแบบวิลแชร์แต่ท้ายสุดแล้วก็ทำให้ไม่ได้หรือกรณีลิฟท์ขึ้นลงรถไฟฟ้าฟ้องร้องศาลปกครองหลายปีแม้ชนะคดีแต่ละก็ยังไม่ดำเนินการให้นี่คือปัญหาของรัฐการเสนอออกกฎหมายสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการดำเนินชีวิตจึงมี ความจำเป็นเป็นอย่างยิ่งในฐานะชาติกล่าวว่านโยบายคนพิการต้องอยู่บนฐานของสิทธิมนุษยชนที่ทุกคนพึ่งมีพึ่งได้ไม่ใช่การสงเคราะห์พรรคพลังพลเมืองไทยเชื่อว่าจะทำให้คนพิการเข้าถึงและใช้ชีวิตตัวเองได้กฎหมายที่จะนำเสนอฉบับนี้เราจะเสนอให้เห็นภาพโครงสร้างสังคมสำหรับคนพิการที่สำคัญคือสิทธิการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะของคนพิการซึ่งรัฐต้องออกแบบให้คนพิการมีสิทธิ์เข้าถึง ระบบขนส่งมวลชนทั้งระบบเพื่อให้เกิดความใช้งานอย่างมีสิทธิ์ภาพซึ่งการขนส่งที่แยกส่วนอย่างปัจจุบันทำให้การใช้งานเกิดความไม่สะดวกหากมีการเชื่อมต่อเป็นระบบและมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบถ้วนจะเป็นการสนับสนุนให้คนพิการออกจากบ้านไปทำกิจกรรมต่างๆทั้งเรียนหนังสือทำงานสนทนาการได้ง่ายขึ้นและต้องไม่ลืมว่าการใช้ระบบขนส่งสาธารณะนั้นช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับคนพิการได้ สิทธิการเข้าถึง บริการสาธารณะด้านการศึกษาการเข้าถึงการศึกษามหมายถึง ตั้งแต่ระดับประถม ถึงอุดมศึกษารัฐต้องส่งเสริมให้มีการเรียนรู้ร่วมอย่างเป็นรูปประธรรม ให้คนพิการออกมาเรียนในระบบทั่วไปตั้งแต่ปฐมวัยถึงอุดมศึกษาซึ่งนอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกทางกายภาพแล้วต้องคำนึงถึงหลักสูตรและบุคลากรที่มีความรู้เฉพาะด้าน ที่จะตอบสนองต่อนักเรียนพิการได้สิทธิการเข้าถึงการจ้างงานการจ้างงานคนพิการต้องเกิดขึ้นอย่างจริงจังนอกเหนือจากระบบ โควต้าแล้ว การจ้างงานแบบ สัดส่วน ต้องเป็นไปตามกฎหมายแรงงานอย่างเคร่งครัดหน่วยงานภาครัฐต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในการจ้างงานคนพิการและคำนึงถึงสิทธิประโยชน์ของลูกจ้างเพื่อการกระจายรายได้ที่เป็นธรรมส่วนความ ส่วนคนพิการที่ไม่ได้ทำงานอย่างน้อยก็ต้องจัดระบบสวัสดิการเบี้ยความพิการให้ดำรงชีพได้ปกติ
ประการที่สอง

* การจัดตั้งหน่วยงานเพื่อคนพิการในท้องถิ่น*
การบริหารจัดการงบประมาณโดยหน่วยงานที่ดูแลคนพิการก็เป็นปัญหาเพราะหน่วยงานดังกล่าวมีส่วนราชการเป็นทั้งคนกำหนดนโยบายเป็นคนกำกับดูแลและบริหารงานทำให้ทั้งนโยบายและการกำกับดูแลและการบริหารงานผ่านการตรวจสอบอย่างจริงจังมีการรวบรวมอำนาจอยู่ที่ฝ่ายราชการทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคที่ผ่านมาจึงปรากฏข่าวทุจริต งบคนพิการหลายรูปแบบขาดการทำงานในเชิงรุกจากปัญหานี้จำเป็นต้องกระจายอำนาจโดยให้ท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินการให้เกิดการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนภาคประชาสังคมและตัวแทนคนพิการเข้ามามีบทบาทในการบริหารจัดการและการกำหนดนโยบายเพื่อตอบสนองแนวคิดท้องถิ่นในการมุ่งบริหารเพื่อชุมชนในท้องถิ่นนั้นๆซึ่งหากเกิดไม่มีการกระจายอำนาจ ก็จะไม่สามารถบริหารจัดการเพื่อสนองตอบต่อสิทธิของผู้พิการได้อย่างเป็นธรรมเพราะงบประมาณถูกควบคุมโดยส่วนกลางการอนุมัติหรือทำการใดๆมักจะทำไปเพื่อได้เลื่อนตำแหน่งของตนเป็นสำคัญ
ประการที่สาม*การปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางการเมืองเพื่อให้คนพิการเข้าไปมีอำนาจในการกำหนดนโยบาย*
โครงสร้างของนักการเมืองที่บริหารประเทศจะต้องมีคนพิการมีความรู้ความสามารถเข้าไปนั่งในตำแหน่งเพื่อปกป้องสิทธิให้กลุ่มคนพิการก็ที่ผ่านมาอาจมีนโยบายเกี่ยวข้องกับคนพิการแต่ปัญหาคือคนพิการเองไม่เคยมีส่วนในการกำหนดนโยบายทำให้ไม่สอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริงรวมทั้งทำให้เข้าไม่ถึงสิทธิดังกล่าว เพราะความไม่เข้าใจของคนที่เสนอนโยบายเหล่านั้น
รายการสุดท้าย*การจัดตั้งกองทุนคนพิการ*
โดยนำงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับคนพิการที่กระจายอยู่หลายหน่วยงานมารวมที่เดียวกันรวมทั้งนำเงินภาษีบาปจากสุราที่เป็นต้นเหตุ หนึ่งที่ทำให้เกิดการที่การเมื่อสนับสนุนกองทุนเงินรายได้จากกองทุนความปลอดภัยมาสนับสนุนกองทุนนำเงินบริจาคผู้ประกอบการที่เป็นต้นเหตุหนึ่งให้เกิดความพิการต่อประชาชน มาสนับสนุนกองทุนเป็นต้นแล้วให้ภาคประชาสังคมและคนพิการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการกองทุนนี้ร่วมกับภาครัฐด้วยได้ธนชาตกล่าวว่าพรรคจึงมีความมุ่งหวังว่านโยบายนี้จะทำให้เกิดการดำรงชีวิตอิสระของคนพิการในสังคมไทยซึ่งการดำรงชีวิตอิสระ ได้ นั้นคนพิการต้องการเป็นผู้มีอิสระทางความคิด มีความเชื่อมั่นในตนเองสามารถเลือกตัดสินใจในการดำเนินชีวิตได้ตามศักยภาพของตนได้อย่างสมศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์โดยไม่ขึ้นสู่กับความพิการว่าจะรุนแรงมากน้อยเพียงใดเพียงแต่อาศัยบริการสาธารณะและความช่วยเหลือเท่าที่จำเป็นก็ดำเนินชีวิตได้ซึ่งการดำรงชีวิตอิสระได้นั้นอย่างน้อยต้องรู้จักความพิการของตนเองรู้จักดูแลไม่ให้ความพิการมีสภาพลมแรงขึ้นหรือส่งผลให้เกิดความเจ็บป่วยเพิ่มขึ้น และสิ่งสำคัญคือสามารถช่วยเหลือตนเองในชีวิตประจำวันได้ทั้งการใช้ชีวิตในบ้านและนอกบ้านการเดินทางเพื่อกิจกรรมส่วนตัวและกิจกรรมทางสังคมคนพิการต้องทำได้เองโดยรัฐจะต้องจัดทำบริการสาธารณะไว้อำนวยความสะดวกอย่างครบครัน