ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม.แถลงข่าวจับผู้ต้องหา“ร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางานหรือสามารถส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ และโดยการหลอกลวงนั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง และฉ้อโกง”

ด้วยเมื่อวันที่ 10 ต.ค.2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จว.นครปฐม ได้รับสายจากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ชื่อ นายอนุสรณ์ อินทโสติ โทรเข้ามาที่สายด่วน ตม. 1178 เพื่อขอรับความช่วยเหลือ กรณีพี่ชาย ชื่อ นายโต้ง กลิ่นสังข์ พร้อมเพื่อนรวม 4 คน ซึ่ง ณ เวลาดังกล่าว ถูกกักตัวไว้ในบ้านหลังหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น โดยพี่ชายได้แจ้งนายอนุสรณ์ฯ ว่ากลัวจะได้รับอันตรายจากกลุ่มคนที่ควบคุมตัวไว้ ทั้งนี้กลุ่มคนดังกล่าวลักษณะเหมือนเป็นชาวเอเชียใต้ (ปากีสถาน,บังคลาเทศ) โดยนายโต้งฯ ได้เล่าให้น้องชายฟังว่าได้รับการติดต่อจากนายหน้าให้ไปทำงานในประเทศญี่ปุ่นอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่พอมาถึงประเทศญี่ปุ่นกลับถูกยึดหนังสือเดินทางและกักตัวไว้ในบ้าน จนวีซ่าที่อนุญาตให้อยู่ในประเทศใกล้จะหมดลง โดยสูญเสียเงินที่นายหน้าหลอกว่าเป็นค่าดำเนินการรวมกันเป็นจำนวนหลายแสนบาท นายโต้งจึงได้ติดต่อกับนายอนุสรณ์ฯ (น้องชาย) ที่อยู่ในประเทศไทย เพื่อขอความช่วยเหลือ นายอนุสรณ์ ฯ จึงได้เข้าไปโพสต์ข้อความในเพจเฟสบุ๊ค “สุรเชษฐ์ หักพาล” เพื่อขอความช่วยเหลือ และได้ทราบข้อมูลในเพจว่าสามารถโทร 1178 ได้ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จว.นครปฐม ได้ประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่สถานทูตไทยประจำประเทศญี่ปุ่น เพื่อเข้าทำการช่วยเหลือคนไทยจำนวน 4 คน ประกอบด้วย นายโต้ง กลิ่นสังข์ อายุ 40 ปี , นางกมลพร เลาไชย อายุ 45 ปี , นางไพฑูรย์ อิ่มภักดี อายุ 44 ปี และ นายสุรวิชย์ แน่นอุดร อายุ 43 ปี และส่งตัวกลับมายังประเทศไทยอย่างปลอดภัยหลังจากนั้นได้ประสานนำผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ต่อพนักงานสอบสวน บก.ปคม. เพื่อดำเนินดคีกับ น.ส.ชลธิชา นิยมศรี อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นนายหน้าที่หลอกผู้เสียหายทั้ง 4 คนให้ไปทำงานในประเทศญี่ปุ่นอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดย น.ส.ชลธิชาฯ ได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นพร้อมกับผู้เสียหาย แต่พอมาถึงประเทศญี่ปุ่นได้ให้ผู้เสียหายไปพักกับชายชาวต่างชาติลักษณะเหมือนเป็นชาวเอเชียใต้ (ปากีสถาน,บังคลาเทศ) ยึดหนังสือเดินทางและกักตัวไว้ในบ้าน จนวีซ่าที่อนุญาตให้อยู่ในประเทศใกล้จะหมดลงและไม่สามารถหางานให้ผู้เสียหาย ทำได้ตามที่ตกลงกันไว้ โดยผู้เสียหายสูญเสียเงินที่นายหน้าหลอกว่าเป็นค่าดำเนินการรวมกันเป็นจำนวนหลายแสนบาท ต่อมาพนักงานสอบสวน บก.ปคม. ได้ยื่นคำร้องต่อศาลขอออกหมายจับ น.ส.ชลธิชา นิยมศรี อายุ 33 ปี ในความผิดฐาน “ร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางานหรือสามารถส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ และโดยการหลอกลวงนั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง และฉ้อโกง” ตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ 2592/2561 ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2561
ในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2561 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. , พล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ รอง ผบช.สตม. ,พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย รองผบช.สตม., พล.ต.ต.สำราญ นวลมา ผบก.สปพ. ,พล.ต.ต.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบก.ปคม. , พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 , พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นในธรรม ผบก.สส.สตม. , พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ ผบก.จร., พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ รอง ผบก.สปพ. , พ.ต.อ.มานะ กลีบสัตบุศย์ รอง ผบก.ปคม., พ.ต.อ.สมบูรณ์ เทียนขาว ผกก.สายตรวจ , พ.ต.อ.จิรัฎฐ์ จึงภัทรนิษฐ์ ผกก.3 บก.ปคม.
เจ้าหน้าที่ตำรวจ งานสายตรวจ 1 กก.สายตรวจ บก.สปพ. ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปอส.ตร. , เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคม. ได้ร่วมกับจับกุม น.ส.ชลธิชา นิยมศรี อายุ 33 ปี ที่อยู่ 33/35 หมู่ที่ 8 ต.ละหาร อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 2592/2561 ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2561 ซึ่งต้องหาว่า “ร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางานหรือสามารถส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้ และโดยการหลอกลวงนั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวง และฉ้อโกง” ได้ที่ หน้าบ้านเลขที่ 248 ซอยอ่อนนุช 54 ถนนสุขุมวิท 77 แขวงอ่อนนุช เขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร นำตัว ส่ง พนังงานสอบสวน บก.ปคม. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องในขบวนการหลอกลวงคนไทยไปทำงานต่างประเทศที่เหลืออยู่ต่อไป
ขอบคุณข้อมูลข่าว
พ.ต.ต.หญิงพัชรี ศรีเผือก
สว.ฝอ.5 บก.อก.สตม.
ทีมข่าวเรื่องจริงผานเลนส์รายงาน

Leave a Reply

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com
Share via
Copy link