“191 รวบผัวเมียลักลอบผลิตยางกัญชาสกัด ไลฟ์สดขายออนไลน์”

ตามนโยบายของรัฐบาลให้กวาดล้างเครือข่ายรวมถึงผู้กระทำความผิดเกี่ยวข้องกับยาเสพติดขั้นเด็ดขาดรวมถึงการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดในชุมชน เพื่อลดผลกระทบของปัญหายาเสพติดแพร่ระบาทภายใน สังคม หมู่บ้าน ชุมชน สร้างภูมิคุ้มกันยาเสพติดให้คนทุกช่วงวัย นำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วยการนำแนวพระราชดำริ ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง บูรณาการและบริหารจัดการให้เกิดการมีส่วนร่วมในการป้องกัน และแก้ไขปัญหายาเสพติด เพื่อให้ประเทศไทยมั่นคง ปลอดภัยจากปัญหายาเสพติดอย่างยั่งยืน ด้วยการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในสังคม

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.สำราญ นวลมา ผบก.สปพ. , พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยศิริ รอง ผบก.สปพ. , พ.ต.อ.สมบูรณ์ เทียนขาว ผกก.สายตรวจ บก.สปพ., พ.ต.ท.อานันท์จักร์ กนกนพวัชร์, พ.ต.ท.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ์ รอง.ผกก.สายตรวจ บก.สปพ. ได้สั่งการให้ พ.ต.ต.จักรกริช เวียงสมุทร สว.งานสายตรวจ 2 กก.สายตรวจ บก.สปพ., ร.ต.อ.คหัฐ บุตรเวียงพันธ์ รองสว.งานสายตรวจ 2 กก.สายตรวจ บก.สปพ. และชุดสืบสวนหาข่าวงานสายตรวจ 2

ได้ร่วมกันจับกุม
1. นายสมพล ทับศรี อายุ 27 ปี
2.น.ส.ภภัสสร บุญเดช อายุ 29 ปี
พร้อมด้วยของกลาง
1.กัญชาอัดแท่ง 27 แท่ง น้ำหนักรวมประมาณ 26 กิโลกรัม
2.กล่องพัสดุบรรจุแล้วจำนวน 14 กล่อง (ภายในมีกัญชา รวมประมาณ 1,400 กรัม)
3.ยางกัญชา บรรจุตลับ จำนวน 3 ตลับ น้ำหนักรวมประมาณ 11 กรัม
4.ยางกัญชา บรรจุถุงซิป จำนวน 4 ถุง น้ำหนักรวมประมาณ 12 กรัม
5.หม้อต้มและอุปกรณ์สกัดกัญชา จำนวน 2 ชุด
6.เอทิลแอลกอฮอล์ จำนวน 1 ขวด
7.อุปกรณ์หั่นแบ่งกัญชา จำนวน 2 ชุด
8.ขาตั้งกล้องและอุปกรณ์สำหรับไลฟ์สด จำนวน 1 ชุด
9.กล่องพัสดุ ดวงตรา EMS และอุปกรณ์สำหรับแพคยาเสพติดส่งทางไปรษณีย์

โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันผลิตยาเสพติดให้โทษประเภท5(ยางกัญชาสกัด) และร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท5(กัญชา) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย”

สถานที่จับกุม บ้านพักไม่มีเลขที่ ถ.ประชาอุทิศ ต.บ้านคลองสวน อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ (ที่ซุกซ่อนยาเสพติด) ต่อเนื่อง บ้านเลขที่ 70/178 หมู่ 6 ซ.ประชาอุทิศ 113 หมู่บ้านชวนชื่น ประชาอุทิศ แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร (บ้านผลิตยางกัญชา)

พฤติการณ์การจับกุม สืบเนื่องจาก กก.สายตรวจ บก.สปพ. ได้ทำการสืบสวนปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างต่อเนื่องเพื่อลดปัญหาอาชญากรรมที่ตามมาก่อให้เกิดปัญหาทางสังคม พล.ต.ต.สำราญ นวลมา ผบก.สปพ. และ พ.ต.อ.สมบูรณ์ เทียนขาว ผกก. สายตรวจ บก.สปพ. จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ต.จักรกริช เวียงสมุทร สว.งานสายตรวจ 2 และชุดสืบสวนหาข่าวงานสายตรวจ 2 ออกสืบสวนหาข่าว เพื่อติดตามจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากนโยบายดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนงานสายตรวจ 2 พบว่ามีผู้ลักลอบจำหน่ายยาเสพติดผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยการลอกเลียนแบบการแปรรูปสกัดยางกัญชา มาจากต่างประเทศ โดยการนำกัญชาแห้งมาสกัดเป็นยางกัญชา เป็นการแปรรูปกัญชาให้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่า เพิ่มฤทธิ์ของกัญชา ทำให้สามารถเข้าถึง เพิ่มโอกาสในการเสพได้หลากหลายรูปแบบ และมักเป็นที่นิยมของวัยรุ่น นักท่องเที่ยว นิยมนำมาผสมกับบุหรี่ นำไปผสมกับน้ำยาสำหรับบุหรี่ไฟฟ้า บารากุ ซึ่งง่ายต่อการใช้งานในสถานบันเทิงและแหล่งมั่วสุมของผู้นิยมเสพกัญชา จนกระทั้งสืบทราบว่าผู้ต้องหาทั้งสอง ลักลอบนำกัญชามาซุกซ่อนในบ้านหรู พร้อมทั้งไลฟ์สดผ่านสื่อโซเชียลเสนอขายกัญชาแห้งและยางกัญชา โดยนำส่งกัญชาให้ลูกค้าผ่านช่องทางพัสดุไปรษณีย์ ชุดจับกุมจึงได้ร่วมกันวางแผนและสืบสวน ติดตาม จนทำให้สามารถจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง กัญชาอัดแท่ง ยางกัญชา ที่ผลิตสำเร็จแล้ว อุปกรณ์ผลิตยางกัญชา และอุปกรณ์สำหรับไลฟ์สดขายกัญชา จากการซักถามเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งสองรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่า ลักลอบจำหน่ายกัญชาทางออนไลน์จริง โดยทำการไลฟ์สดขายกัญชาแห้ง ยางกัญชาในบ้านหรูดังกล่าวนำกัญชาส่งให้กับลูกค้าผ่านทางระบบไปรษณีย์ต่างๆ มาเป็นเวลาประมาณ 1 ปี มียอดเงินหมุนเวียนเกินกว่า 1 ล้านบาท โดยกัญชาแห้ง 1 กิโลกรัม ราคา 8,500 บาท เมื่อแปรรูปสกัดเป็นยางกัญชา ตนสามารถจำหน่ายได้กิโลกรัมละ 300,000 บาท

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบประวัตินายสมพลฯ ผู้ต้องหาพบว่า เคยถูกดำเนินคดีข้อหาชิงทรัพย์ เมื่อ พ.ศ. 2555 ที่จังหวัดนครปฐม , ครองครองยาเสพติดประเภท 5 (พืชกระท่อม) เมื่อประมาณเดือนกันยายน 2561 ที่ผ่านมา(สภ.กระทุ่มแบน)

พร้อมกันนี้ชุดจับกุมได้ทำการตรวจยึดทรัพย์สินไว้เพื่อตรวจสอบตาม พ.ร.บ.มาตรการ ดังนี้
1.รถยนต์ HONDA รุ่น ACCORD ทะเบียน กพ 2536 นครปฐม มูลค่าประมาณ 250,000 บาท
2.รถยนต์ NISSAN ทะเบียน ษฐ 499 กรุงเทพมหานคร มูลค่าประมาณ 150,000 บาท
3.รถจักรยานยนต์ จำนวน 3 คัน รวมมูลค่าประมาณ 100,000 บาท
รวมตรวจยึดทรัพย์สินเป็นมูลค่ากว่า 500,000 บาท

นอกจากนี้จะได้ทำการติดตามขยายผลไปยังผู้เกี่ยวข้องรายอื่นๆ เนื่องจากเชื่อว่ายังมีผู้กระทำความผิดในลักษณะเดียวกันที่เป็นขบวนการหรือเครือข่ายอื่นๆ อยู่อีกหลายเครือข่าย