ราชบุรี  – “อภิญญา สว่างเมฆ” อยู่กับพรรคที่ไม่ตอกลิ่มความแตกแยกให้ประชาชน

ราชบุรี – “อภิญญา สว่างเมฆ” อยู่กับพรรคที่ไม่ตอกลิ่มความแตกแยกให้ประชาชน

ว่าที่ผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐราชบุรี เขต 5 น้องใหม่ไฟแรง เผยอยู่กับพรรคที่ไม่ตอกลิ่มความแตกแยกให้ประชาชน ชูแนวคิดลดการใช้สารเคมีในพืชผัก เกษตรกรห่างไกลโรคภัย ประเทศเกิดความพัฒนา

วันที่ 13 ธ.ค.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า… นางสาวอภิญญา สว่างเมฆ อายุ 43 ปี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เขต 5 ราชบุรี เปิดเผยการลงสมัคร ส.ส.ในนามพรรคว่า เป็นลูกบ้านเกิดที่ อ.บางแพ จ.ราชบุรี เคยศึกษาที่โรงเรียนบางแพปฐมพิทยาและศึกษาต่อที่วิทยาลัยเทคนิคราชบุรี อดีตเคยเป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้ง ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ปี 2548- 2554 ขอเป็นส่วนหนึ่งของพลังประชารัฐ มีความคิดว่าพรรคการเมืองที่แตกแยกกันมาอย่างรุนแรงทั้งสองพรรคใหญ่สร้างปัญหาให้พี่น้องประชาชน แบ่งสี แบ่งฝ่าย แบ่งพวก ซึ่งตนเองเคยเป็นอดีตผู้อำนวยการการเลือกตั้งให้กับพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่งมา 3 ปี เคยทำพื้นที่ในเขต อ.ดำเนินสะดวก และ อ.บางแพ จ.ราชบุรี มองว่าการเมืองที่แบ่งฝ่ายแบ่งขั้ว แบ่งสีทำให้ประเทศชาติแตกแยก เวลาที่นักการเมืองไม่ว่าจะใส่เสื้อสีไหนลงไปในพื้นที่ก็จะเกิดปฏิกิริยาโต้ตอบกับชาวบ้านที่มีคนที่รักและศรัทธาที่เขาเคยชอบ ก็จะเกิดการต่อต้านทำให้นักการเมืองหาเสียงลำบาก มองว่าถ้าจะมาเป็นนักการเมืองควรจะสร้างความสามัคคีก่อนให้ประชาชนเกิดรวมกันและเกิดความสามัคคี อย่างแบ่งสีไม่แตกแยก การแข่งขันก็จะเหมือนทั่วไปต้องมีฝ่ายแพ้ ฝ่ายชนะ มีน้ำใจเป็นนักกีฬา ปล่อยให้คนที่ชนะได้ทำงานต่อไป

ส่วนใครที่ทำไม่ดีหรือไม่เป็นที่พอใจ หรือโกงกินบ้านเมือง ความไม่ดีนั้นก็จะติดตัวคนที่ทำไป ทั้งนายกรัฐมนตรีหรือ ส.ส. แต่ประชาชนถือว่าสำคัญที่สุดที่ยังต้องอาศัยในถิ่นฐานเดิมอยู่ร่วมกันกับญาติพี่น้อง สิ่งแรกจะต้องมองพรรคที่เป็นกลาง ที่สามารถนำพาประเทศก้าวข้ามผ่านความขัดแย้งไปได้ ไม่ตอกลิ่มความแตกแยกให้ประชาชน โดยเฉพาะพรรคใหญ่ตอนนี้ ซึ่งตีข่าวว่าแบ่งขั้วระหว่างเผด็จการกับประชาธิปไตย อันนี้ไม่เห็นด้วย ซึ่งต้องดูว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมือง เพราะก่อนหน้านี้พรรคการเมืองตีกันอย่างรุนแรง ทะเลาะกันแบ่งสีระหว่างกันจนจะเกิดนองเลือด ถ้าไม่มีทหารเข้ามาเหมือนกรรมการคอยห้าม นั่นหมายความว่าจะเห็นคนไทยเข่นฆ่ากันเอง เมื่อทหารเข้ามาแล้วก็ไม่ได้เผด็จการ มีนโยบายคอยพัฒนาไปด้วย ดูแลแก้ปัญหาเก่าๆที่พรรคการเมืองเก่าทำเอาไว้มากมาย โดยเข้ามาแก้ปัญหาแล้วก็ยังทำให้ประเทศสงบสุข เมื่อสงบสุขแล้วก็จะคืนอำนาจให้แก่ประชาชน หมายความว่าวันนี้จะเกิดประชาธิปไตยอีก เมื่ออำนาจคืนสู่พี่น้องประชาชนก็มาเลือกตั้งกันใหม่

เมื่อนักการเมืองเข้ามาก็ไม่สมควรที่จะมาทำให้ประเทศชาติแตกแยก แต่จะต้องเป็นส่วนหนึ่งให้ประเทศชาติพัฒนาไปเจริญทางด้านสังคม ความมั่นคง เศรษฐกิจ ตนเองจึงตัดสินใจถ้าวันหนึ่งจะเป็นผู้แทน หรือตัวแทนของประชาชนในเขต 5 จะเลือกพรรคที่เป็นกลาง พรรคที่สามารถนำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้งไปได้ ไม่ว่าเราจะอยู่หรือไปประชาชนต้องไม่แตกแยกกัน เมื่อความสามัคคีเกิดขึ้นทุกอย่างก็จะดีขึ้นตามมา แต่หากวันนี้ยังมีนักการเมืองที่เอาประเด็นความแตกแยก ช่วงชิงประชาชนเพื่อให้มาเป็นพวกโดยแบ่งฝ่าย เลือกข้างว่าเราคือข้างเผด็จการ หรือข้างประชาธิปไตย และเชื่อมั่นพรรคจะมีนโยบายที่ดี ทำสิ่งดีสานต่อนโยบาย ดูแลประชาชนให้ปลอดภัย รักษาความมั่นคง ทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี

หลังจากเดินทางไปทั่วประเทศมาเป็นเวลา 1 ปี ได้รับรู้ปัญหาของเกษตรกร ทั้งพืชผลการเกษตร แต่ทุกรัฐบาลที่เข้ามาไม่ว่าจะเป็น คสช. หรือ รัฐบาลมาจากการเลือกตั้งก็พยายามแก้ปัญหา เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา พืชผลการเกษตรจะมีบ้างเรื่องพืชผลราคาตกต่ำเกิดจากภาวะเศรษฐกิจโลกด้วย เมื่อเศรษฐกิจโลกอย่างอเมริกาช่วงชิงกัน การค้าเสรีก็ไม่เกิดขึ้นทำให้ไม่มีการนำ ไม่สนับสนุนส่งเสริมแลกเปลี่ยนกันก็มีผลกระทบเกิดขึ้น เชื่อว่ารัฐบาลก็มีหน้าที่ดูแล ทั้งเรื่องยางพารา ข้าว ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจของไทย สำหรับเรื่องข้าวเตรียมที่จะผลักดันเพิ่มราคา เพราะมีการทำสัญญาและมีการเสนอขายข้าวให้ต่างประเทศได้แล้วก็จะมีตลาดที่จะส่งออกไปได้ นอกจากบริโภคในประเทศก็ส่งออกได้ ปัญหาเดิมที่รัฐบาลเก่าทำความเสียหายไว้กับประเทศเราเรื่องโครงการจำนำข้าวก็หลายแสนล้านบาท ซึ่งรัฐบาลนี้ได้เข้ามาแก้ไขปัญหาได้คลี่คลายไปในทางที่ดี คาดว่าพืชผลเกษตรตกต่ำจะดีขึ้น ส่วนเรื่องของยางพาราปัจจุบันทางนายกรัฐมนตรีกำลังแก้ไขอยู่ ทั้งส่งเสริมชดเชยเรื่องราคายางให้พี่น้องชาวใต้และภาคอีสานด้วย

ส่วนฐานเสียงที่จะสนับสนุนส่วนใหญ่ตัวเองเกิดมาเป็นลูกชาวนาติดดินไปเยี่ยมชาวบ้านทั้งนากุ้ง บ่อปลา สวนผักผลไม้ไปหมด เชื่อว่าวันนี้สิ่งที่จะแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรก่อนคือเรื่องของสุขภาพ ซึ่งตอนนี้มีการขึ้นทะเบียนสารเคมีบางชนิดที่มีอันตรายใช้แล้วจะสะสมในร่างกายเป็นโรคมะเร็งทั้งผู้ปลูกและคนที่รับประทานพืชผักผลไม้ด้วย และจะต้องเป็นภาระของกระทรวงสาธารณสุขให้หมอ และพยาบาลอีกจึงจะต้องแก้ปัญหาที่จุดนี้ก่อนในเรื่องการหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่มีอันตราย ก็จะมีทำเกษตรกรมีสุขภาพดี ไม่มีต่างชาติคนไหนอยากซื้อผักผลไม้ที่มีสารเคมีปนเปื้อนเข้าไป จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงยกระดับปัญหาไม่ให้สารเคมีปนเปื้อน เมื่อยกระดับสินค้าทางการเกษตรได้แล้ว ก็จะได้สินค้าที่ดีปลอดภัยมีคุณภาพสามารถ ส่งไปขายต่างประเทศได้

สุจินต์ นฤภัย (เต้)

Leave a Reply

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com
Share via
Copy link