นายกสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทยได้ออกมาเรียกร้องให้ทางผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ดำเนินการตรวจสอบการทำงานของผู้ใต้บังคับบัญชาซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางยี่ขัน ลุแก่อำนาจไปหรือเปล่า

เมื่อเวลา 16.00 น วันที่ 6 ม.ค.62 นายไพโรจน์ เทศนิยม นายกสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทยได้ออกมาเรียกร้องให้ทางผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ดำเนินการตรวจสอบการทำงานของผู้ใต้บังคับบัญชาซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางยี่ขัน ลุแก่อำนาจไปหรือเปล่า

นายไพโรจน์ กล่าวว่า จากกรณีที่ นายสาโรจน์ บุณญะเสน อายุ 26 ปี ผู้สื่อข่าว สังกัดเว็ปไชต์ “ข่าวเจาะลึกทันเหตุการณ์ออนไลน์”และเป็นสมาชิกสมาคมผู้สื่อข่าวฯ ได้มีปากเสียงกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางยี่ขัน จนกระทั่งถูกควบคุมตัวโดยใช้กำลังบังคับจับกุมใส่กุญแจมือจนเลือดตกยางออกบนโรงพัก โดยเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 05.00 น.วันที่ 27 ธ.ค.61ที่ผ่านมา นายสาโรจน์ ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้าคลิก หมายเลขทะเบียน 2กพ-6089 กรุงเทพมหานคร ออกมาจากบ้านเพื่อนที่อยู่ในซอยแห่งหนึ่งย่านสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ เพื่อที่จะกลับบ้านพักย่านบางแค โดยได้ ขับขี่รถจักรยานยนต์ย้อนศรตรงไปยังแยกพระปิ่นเกล้าฯ

ทันใดนั้นเองได้มี ร.ต.อ.ไตรภพ มงคลสุจริตกุล รอง สว.จร.สน.บางยี่ขัน ขี่รถจักรยานยนต์ตรวจตราสภาพการจราจรผ่านมาพบเห็นเข้าพอดี จึงขับขี่รถตรงเข้ามาหานายสาโรจน์ พร้อมกับขอตรวจสอบเอกสารการครอบครองรถและใบขับขี่ แต่เผอิญว่านายสาโรจน์ลืมใบขับขี่ไว้ที่บ้านพักในช่วงก่อนที่จะออกมาจากบ้านพักมาบ้านเพื่อน จึงแจ้งให้กับร.ต.อ.ไตรภพทราบ พร้อมกับแนะนำตัวเองว่า “ผมเป็นผู้สื่อข่าวครับ” ขอใช้บัตรผู้สื่อข่าวที่สมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทยออกให้ไว้เป็นหลักฐานในการแสดงตัวตนได้ไหมครับ พร้อมกับเปิดเบาะนั่งหยิบบัตรผู้สื่อข่าวส่งให้กับร.ต.อ.ไตรภพเพื่อแสดงตัวตน

ร.ต.อ.ไตรภพ จึงวิทยุเรียกผู้ใต้บังคับบัญชาหมายเลขรหัสหมวก 6613 มารับตัวนายสาโรจน์ไปที่ป้อมตำรวจบริเวณใต้สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ นายสาโรจน์จึงซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของตำรวจคนดังกล่าวเพื่อไปที่ป้อมตำรวจ แต่ระหว่างนั้นตำรวจคนดังกล่าวจะขี่รถย้อนศรเพื่อไปที่ป้อมตำรวจ นายสาโรจน์จึงบอกว่า “อย่าย้อนศรนะครับ มันผิดกฎหมาย และอันตรายด้วย” ตำรวจคนดังกล่าวจึงเอ่ยขึ้นว่า “มึงจะทำไมกับกู มึงทะเลาะกับใครก็ทะเลาะเป็นคนๆไป มาเกี่ยวอะไรกับกู มึงต่อยกับกูมั้ย”แต่ปรากฏว่าขณะที่ตำรวจคนดังกล่าวเอ่ยปากพูดออกมา นายสาโรจน์ได้กลิ่นสุรา จึงได้กระโดดลงจากรถ ขณะนั้น ร.ต.อ.ไตรภพจึงวิ่งเข้ามา นายสาโรจน์ก็บอกว่า “ลูกน้องผู้กองท้าผมต่อยนะครับ” ร.ต.อ.ไตรภพก็บอกว่า “ไปๆเดี๋ยวไปที่ป้อม” นายสาโรจน์จึงเอ่ยขึ้นว่า “พี่กับลูกน้องเมาหรือเปล่าเนี่ย” เพราะได้กลิ่นสุราแรงมาก ประกอบกับสังเกตเห็นอาการคล้ายกับคนเมาสุรา ร.ต.อ.ไตรภพจึงบอกว่า “เดี๋ยวเอ็งไปเป่าวัดระดับแอลกอฮอล์ที่ป้อม” นายสาโรจน์จึงย้อนกลับไปว่า “ถ้าพี่กับลูกน้องเป่าผมก็ยอมเป่า” หลังจากนั้นก็เดินไปที่ป้อมตำรวจ พอไปถึงร.ต.อ.ไตรภพก็พยายามบังคับให้นายสาโรจน์ เป่าวัดระดับแอลกอฮอล์ โดยหยิบเครื่องเป่ามายัดใส่ที่ปากของนายสาโรจน์ พร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิป

นายสาโรจน์ก็บอกว่า “ถ้าพี่กับลูกน้องเป่า ผมก็จะเป่า ไม่ใช่มายัดเยียดให้ผมเป่าตรงนี้” จากนั้นลูกน้องของร.ต.อ.ไตรภพ ก็เปิดประตูป้อมเข้ามาถามว่า “มึงทำไม มึงยังไม่จบเหรอ” จากนั้นได้มีตำรวจยศนายสิบตำรวจ 2 คนมากันตัวลูกน้องของร.ต.อ.ไตรภพออกไปข้างนอกป้อม จากนั้น ร.ต.อ.ไตรภพกับตำรวจอีก 2 นายก็ออกไปยืนสูบบุหรี่อยู่นอกป้อม พร้อมกับไล่ให้ตำรวจเจ้าของรหัส 6613 ขับขี่รถจักรยานยนต์หลบไปก่อน หลังจากนั้น ร.ต.อ.ไตรภพก็กลับเข้ามาที่ป้อมพร้อมกับบังคับให้นายสาโรจน์เป่าวัดระดับแอลกอฮอล์ พร้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิป นายสาโรจน์จึงหันไปพูดกับกล้องที่ร.ต.อ.ไตรภพถืออยู่ว่า “ขอโทษนะครับ พี่จะให้ผมเป่า ผมขอให้พี่ตาม 6613 กลับมาเป่าแอลกอฮอล์ด้วย ผมถึงจะยอมเป่า เพราะผมสงสัยพี่กับลูกน้องพี่น่าจะไปดื่มสุราและมีการอาการมึนเมากันมาก่อน”

ร.ต.อ.ไตรภพจึงบอกว่า “คุณเป็นใคร ถึงมาสั่งให้ผมกับลูกน้องเป่าแอลกอฮอล์ คุณไม่มีสิทธิ์” นายสาโรจน์จึงบอกว่า “ผมขอใช้สิทธิ์ประชาชน ขอตรวจสอบว่าพี่สองคนเมาหรือเปล่า ขนาดพี่สองคนยังไม่เป่าเลย ทำไมผมจะต้องเป่า”นอกจากนี้นายสาโรจน์ยังบอกว่า “ถ้าหยั่งงั้นไปที่โรงพักดีกว่า อยู่ตรงนี้ผมไม่ปลอดภัยแล้วครับ” จากนั้น ร.ต.อ.ไตรภพก็ได้พานายสาโรจน์ไปที่โรงพักบางยี่ขัน พอไปถึงก็สั่งให้นายสาโรจน์นั่งลงที่เก้าอี้เพื่อจะเขียนบันทึกการจับกุมในข้อหา “เมาแล้วขับ-ขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงานในการสั่งให้เป่าวัดระดับแอกอฮอล์”

ต่อจากนั้นนายสาโรจน์ก็บอกว่า “จะจับผมข้อหาอะไร ผมยังไม่ได้ทำผิดร้ายแรงอะไรเลย” พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “เรียกผู้บังคับบัญชามาตรวจสอบพี่ทั้งสองคนดีกว่า” ขณะนั้นได้มีตำรวจยศนายสิบเอ่ยขึ้นมา “มึงทำไมเรื่องมากจังวะ” พร้อมกับนั้นนายสาโรจน์ก็ขออนุญาตใช้โทรศัพท์ของตำรวจเพื่อติดต่อญาติ ตำรวจก็บอกว่าไม่ได้ นายสาโรจน์จึงบอกต่อว่า “ถ้าหยั่งงั้นเอาโทรศัพท์ของพี่มาถ่ายคลิปไว้ได้ไหม” ตำรวจคนที่ว่าก็บอกว่า “ไม่ได้” จากนั้นนายสาโรจน์ เห็นว่ากำลังจะถูกกลั่นแกล้ง จึงเดินทางไปเปิดหน้าต่างห้องสอบสวนพร้อมกับตะโกนว่า “ประชาชนช่วยด้วยครับ ผมถูกยัดข้อหาครับ ใครก็ได้ขอให้ผมยืมโทรศัพท์หน่อย เพื่อติดต่อญาติและถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน”

ร.ต.อ.ไตรภพ เห็นดังนั้นจึงให้ลูกน้องจำนวน 2 นายวิ่งมารุมและล็อกตัวนายสาโรจน์ แต่นายสาโรจน์ยังส่งเสียงร้องตะโกนให้คนช่วย จังหวะนั้นเองตำรวจจึงเอามือล๊อกคอปิดปากนายสาโรจน์ ไม่ให้ตะโกน และเกิดการชุลมุนกันขึ้น จนทำให้นายสาโรจน์ปากแตก แล้วจับนายสาโรจน์ใส่กุญแจมือทันที พร้อมกับขู่ว่า “มึงต้องเจออีกข้อหาหนึ่งคือ “ก่อความไม่สงบในสถานที่ราชการ” จากนั้นก็นำตัวนายสาโรจน์ ยัดเข้าห้องขัง สักพักหนึ่งร.ต.อ.ไตรภพก็มาบอกให้นายสาโรจน์ ไปเป่าวัดระดับแอลกอฮอล์ที่ห้องสอบสวน ซึ่งนายสาโรจน์ก็ยอมไปแต่โดยดี พร้อมกับบอกว่า “ผมดื่มเบียร์มากระป๋องหนึ่ง แต่ผมก็จะเป่าให้ถ้าทางตำรวจต้องการ” เมื่อเป่าเสร็จปรากฎว่า ระดับแอลกอฮอล์ขึ้นมาที่ 62 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ แต่ร.ต.อ.ไตรภพเห็นว่า ระดับแอลกอฮอล์น้อย จึงแจ้งข้อหาเดิมคือ “เมาแล้วขับ-ขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงานในการสั่งให้เป่าวัดระดับแอลกอฮอล์” ตามเดิม

จากนั้นนายสาโรจน์ก็เอ่ยปากทวงถามหาบัตรผู้สื่อข่าวที่ร.ต.อ.ไตรภพยึดไป แต่ปรากฏว่าร.ต.อ.ไตรภพบอกว่า “มันหายไปแล้วจะให้ทำยังไง ทำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะหาไม่เจอว่ะ” พร้อมกับพาตัวนายสาโรจน์ ยัดเข้าห้องตามเดิม ทำกับว่านายสาโรจน์ เป็นผู้ต้องหา “ฆ่าคนตายหรือนักค้ายาเสพติดรายใหญ่” ต่อมามารดาของนายสาโรจน์มาที่โรงพักและเห็นว่า ที่ปากแตก จึงร้องถามว่า “เป็นอะไร ทำไมเสื้อจึงเลอะเลือด” ร.ต.อ.ไตรภพจึงบอกว่า “ไม่มีอะไรแค่ปากแตกนิดหน่อย เพราะขัดขืน” มารดานายสาโรจน์เลยบอกว่า “ต้องทำกันขนาดเลือดตกยางออกเลยเหรอ” แต่ร.ต.อ.ไตรภพก็ไม่ได้ว่าอะไร พร้อมกับเดินหนีไป

ต่อมาในวันที่ 28 ธ.ค.61 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางยี่ขัน ได้ควบคุมตัวนายสาโรจน์ไปส่งต่อศาลจังหวัดตลิ่งชัน ซึ่งนายสาโรจน์ก็ยอมรับทุกข้อกล่าวหา จึงถูกศาลลงโทษปรับเป็นเงิน 7,500 บาท และถูกลงทัณฑ์ไว้ 1 ปี พักใช้ใบอนุญาตขับขี่ 6 เดือน

นายไพโรจน์ กล่าวต่อว่าขนาดนายสาโรจน์เป็นผู้สื่อข่าว ยังโดนตำรวจกระทำได้ถึงขนาดนี้ หากเป็นประชาชนคนธรรมดาจะไม่โดนไปมากกว่านี้หรือ ส่วนบัตรผู้สื่อข่าวก็หาย ซึ่งเป็นทรัพย์สินของสมาคมฯแบบนี้เขาเรียกว่า “ตำรวจลุแก่อำนาจ”ไปหรือเปล่า!! มองว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุหรือไม่และสมควรหรือไม่ ที่เจ้าหน้าตำรวจดื่มสุราในระหว่างออกปฏิบัติหน้าดูแลทุกข์สุขของประชาชน และมีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ เมื่อประชาชนขอร้องให้เป่าแอกกอฮอล์เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง ต้องขอฝากไปถึง พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พล.ต.ต.บุญฤทธิ์ รอดมา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 7 ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย ประชาชนขี่รถย้อนศรเล็กๆน้อยๆ ยังโดนถึงขนาดนี้

Leave a Reply

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com
Share via
Copy link