จับกุม ผู้ต้องหาล้วงกระเป๋าชาวแอลจีเรีย

จับกุม ผู้ต้องหาล้วงกระเป๋าชาวแอลจีเรีย
ตามนโยบายของรัฐบาล ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติกวดขันจับกุมกลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทยโดยการแฝงตัวเป็นนักท่องเที่ยว เพื่อเข้ามาก่ออาชญากรรมข้ามชาติและอาชญากรรมที่กระทบกับความมั่นคงต่อภาพลักษณ์และการท่องเที่ยวของประเทศไทย นั้น
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้สนองนโยบายรัฐบาล ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และกองบัญชาการตำรวจนครบาล นำโดย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. , พล.ต.ท.ธีรพล คุปตานนท์ ผบช.ทท. , พล.ต.ต.กฤตธาพล ยี่สาคร รอง ผบช.ทท. , พล.ต.ต.วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผบก.ทท.1 , พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม. , พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ศารุติ แขวงโสภา รอง ผบก.ทท.1 , พ.ต.อ.เกื้อกมล ดวงประทีป ผกก.1 บก.ทท.1 ,พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี ผกก.สน.บางซื่อ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกปฏิบัติการออกระดมกวาดล้างอาชญากรรม โดยการบูรณาการร่วมหน่วยต่าง ๆ

วันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๒ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สตม., เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว กก.๑ บก.ทท.๑ และ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางซื่อ ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหาล้วงกระเป๋า จำนวน ๑ คน คือ MR.SOFIANE YASSAAD CHERIF อายุ ๔๕ ปี สัญชาติแอลจีเรีย หนังสือเดินทางเลขที่ ๑๔๔๖๐๒๘๒๑ ตามหมายจับศาลอาญา ที่ ๒๗/๒๕๖๒ ลง ๑๐ มกราคม ๒๕๖๒ ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ลักทรัพย์ เอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่น มีไว้เพื่อนำออกใช้และใช้บัตรอิเล็กรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น”
พฤติการณ์ คือ เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๑ เวลาประมาณ ๑๙.๓๐ – ๒๐.๐๐ น. ได้มีคนร้ายสัญชาติแอลจีเรีย เข้ามาภายในรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม และพยายามเดินประชิดตัวผู้เสียหาย สัญชาติอังกฤษ จากนั้นเมื่อผู้เสียหายถึงสถานีหมอชิต ได้ตรวจสอบทรัพย์สินภายในกระเป๋าสะพาย พบว่ากระเป๋าเงินสีเทาได้หายไป ซึ่งภายในกระเป๋ามีทรัพย์สิน ดังนี้
๑. เงินสกุลอังกฤษ จำนวน ๒,๕๕๕ ปอนด์
๒. เงินสกุลไทย จำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท
๓. บัตรเครดิตต่าง ๆ จำนวน ๒ ใบ
ต่อมาเวลาประมณ ๒๐.๕๐ น. คนร้ายนำบัตรเครดิตไปทดลองซื้อสินค้าในร้านสะดวกซื้อ เพื่อตรวจสอบว่าบัตรดังกล่าวใช้ได้ก่อนจะนำไปรูดซื้อสินค้าที่มีราคา จากนั้นเจ้าพนักงานตำรวจจึงทำการสืบสวนทราบว่า คนร้ายคือ MR.SOFIANE YASSAAD CHERIF จึงได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานและติดตามจนกระทั่งสามารถจับกุมตัวได้

จากการสอบถามผู้ก่อเหตุให้การว่า มักจะเลือกก่อเหตุล้วงกระเป๋าตามแหล่งท่องเที่ยวที่มีคนพลุกพล่าน เช่น ห้างสรรพสินค้า และตามสถานีรถไฟฟ้า โดยเลือกเป้าหมายเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ไม่ทันระวังตัว และชาวต่างชาติ เนื่องจากไม่ค่อยแจ้งความดำเนินคดี
ข้อสังเกต
1) เป็นกรณีที่คนร้ายชาวต่างชาติ ก่อเหตุในประเทศไทย ที่ผ่านมามีการจับกุมแก๊งล้วงกระเป๋าชาว กัมพูชา ฟิลิปปินส์ มองโกเลีย เวียดนาม
2) การก่อเหตุดังกล่าวส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศ กระทบถึงการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทย
3) คนร้ายมักเลือกก่อเหตุกับชาวต่างชาติ เนื่องจากชาวต่างชาติมักจะไม่สามารถสื่อสารได้ง่าย หรือผู้ที่ไม่ได้ระมัดระวังทรัพย์สิน
4) เบี้ยประกันภัยทรัพย์สิน ที่นักท่องเที่ยวต้องจ่ายสูงขึ้น เนื่องจากมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
5) บางครั้งคนร้ายได้เปลี่ยนชื่อ-นามสกุล และหมายเลขพาสปอร์ต แล้วเดินทางเข้ามาก่อเหตุ ทำให้ยากต่อการตรวจสอบ หากมีการนำระบบไบโอเมทริกซ์ (Biometric) มาใช้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันคนร้ายมากขึ้น

ขอบคุณข้อมูลข่าวสาร ที่มา พ.ต.ต.หญิงพัชรี ศรีเผือก สว.ฝอ.5 บก.อก.สตม.

ทีมข่าวเรื่องจริงผานเลนส์รายงาน

Leave a Reply

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com
Share via
Copy link