“สาวโดนเท โดนหลอกทำงานต่างประเทศ แค้นนี้สิบปีไม่สาย”

“สาวโดนเท โดนหลอกทำงานต่างประเทศ แค้นนี้สิบปีไม่สาย”
ตามนโยบายรัฐบาลนำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำการปราบปรามอาชญากรรมที่ได้เกิดขึ้นหลายรูปแบบ มีการขยายตัวเป็นวงกว้างและมีผลกระทบต่อประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การกระทำความผิดที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง เป็นปัญหาที่ทางรัฐบาลให้ความสำคัญ และเร่งดำเนินการแก้ไขอย่างจริงจัง
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและสารสนเทศ(ศปอส.ตร.) ,พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. ในฐานะ รองผู้อำนวยการ ศปอส.ตร., พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส. สตม.,พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3, พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ ผบก.บก.จร.บช.น., พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง ผกก.สส.บก.น.4 ได้สั่งการให้ ศปอส.ตร. ชุดปฏิบัติการที่ 2 ติดตามจับกุมตัวคนร้าย ซึ่งหลอกลวงผู้เสียหายว่าสามารถพาไปทำงานต่างประเทศได้ โดยต้องมีการเรียน และค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศ แต่เมื่อถึงวันเดินทาง ไม่สามารถติดต่อคนร้ายได้
เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปอส.ตร. ได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหาย จำนวน 3 รายว่าได้เคยถูก นายสุเทพ ภู่หอม หลอกลวงว่าสามารถพาไปทำงานต่างประเทศได้ จึงได้ตัดสินใจไปกู้ยืมเงินมาเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการเรียนวดแผนไทย และเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศ โดยได้ส่งมอบเงินที่กู้ยืมเงินมาให้กับนายสุเทพ เป็นเงินจำนวน 212,000 บาท ต่อมาได้มีการเรียนตามที่ได้สุเทพได้แจ้ง แต่ต่อมาเมื่อถึงกำหนดเดินทางไปต่างประเทศ กลับไม่สามารถติดต่อนายสุเทพได้ จึงได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สน.มีนบุรี และ พนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี ได้ขอศาลจังหวัดมีนบุรีอนุมัติหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 3 หมาย หมายจับที่ 1113/2553 , 1114/2553 และ 1115/2553 ตามลำดับ ในความผิดฐานฉ้อโกง โดยระยะเวลาเกิดเหตุล่วงเลยมาจะครบอายุความ 10 ปี แล้วยังไม่สามารถจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้
พ.ต.ท.ปัญญา กุลไทย หน.ชุดปฏิบัติการ 2 ศปอส.ตร. ได้รับข้อมูล และดำเนินการสืบสวนติดตามหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ทันภายในกำหนดเวลาก่อนจะหมดอายุความ จนกระที่งสามารถสืบทราบว่า คนร้ายได้หลบหนีไปอยู่แถวบริเวณซอยมิตรไมตรี แขวงสามวาตะวันออก เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร จนกระทั่งในวันที่ 7 มีนาคม 2562 พบชายที่มีตำหนิรูปพรรณคล้ายกับนายสุเทพ ภู่หอม บุคคลตามหมายจับ จึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ และแสดงหมายจับ ในชั้นจับกุม นายสุเทพ ภู่หอม ให้การภาคเสธ อ้างว่าตนเองทำงานให้กับบริษัท ทัวร์ และได้มีคนเอาบัตรประชาชนของตนเองไปใช้ แต่อย่างไรกีตามในคดีนี้ มีผู้เสียหาย จำนวน 3 รายยืนยันประกอบกับพฤติการณ์ที่เคยไปมาหาสู่กันก่อนที่จะมีกำหนดการเดินทางไปยังประเทศออสเตรเลียตามคำกล่าวอ้างของนายสุเทพ ซึ่งได้รวบรวมเข้าสู่สำนวนการสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทาง ศปอส.ตร. ขอประชาสัมพันธ์ ให้พี่น้องประชาชนท่านใด ที่เคยตกเป็นเหยื่อ ถูกหลอกลวงว่าสามารถพาไปทำงานต่างประเทศได้ และอาจเป็นคนร้ายรายเดียวกัน สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สน.มีนบุรี

Leave a Reply

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com
Share via
Copy link