ราชบุรี – หวิดวอด โบสถ์วัดราชสิงขรเกิดเพลิงไหม้โชคดีดับได้ทัน

เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากเทศบาลตำบลเขา และเทศบาลเมือง ระดมฉีดน้ำควบคุมเพลิงไหม้ชั้นล่างภายในอุโบสถวัดราชสิงขร ต.เกาะพลับพลา อ.เมือง จ.ราชบุรี ขณะพระสงฆ์ออกไปบิณฑบาตในหมู่บ้าน โชคดีดับได้ทัน

เวลา 07.00 น. ( 15 มี.ค. 62 ) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นภายในอุโบสถวัดราชสิงขร ซึ่งตั้งอยู่ภายในอุทยานหินเขางู หมู่ที่ 2 ต.เกาะพลับพลา อ.เมือง จ.ราชบุรี นายสมภูมิ ไวคกุล นายกเทศบาลตำบลเขางู ได้ประสานรถเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของเทศบาลตำบลเขางู และเทศบาลเมืองราชบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิปฐมบรมราชานุสรณ์ เข้ามาทั้งหลัง ช่วยเหลือเพื่อควบคุมเพลิง พบว่าที่เกิดเหตุเป็นอุโบสถเก่าสร้างเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2518 ก่อสร้างด้วยปูน เขียนลวดลายไทยรอบอุโบสถอย่างสวยงาม ลักษณะมี 2 ชั้น โดยชั้นล่างที่เกิดเหตุพบกลุ่มควันลอยพวยพุ่งออกมาทางช่องหน้าต่างและประตูเป็นจำนวนมาก ด้านในลักษณะเป็นห้องโถงกว้างขนาดใหญ่ มีพระพุทธรูปเป็นพระประธานองค์ใหญ่และองค์เล็กประดิษฐานอยู่จำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีโต๊ะ เก้าอี้ ที่พระสงฆ์ใช้เรียนนักธรรมเก็บไว้ภายใน และข้าวของเครื่องใช้สังฆทาน จีวรพระ เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ถูกไฟเผาไหม้เสียหายหมดแต่ตัวอาคารไม่ได้รับความเสียหาย โดยชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์และพระลูกวัดรูปอื่น ๆ ได้พยายามเข้ามาช่วยขนย้ายข้าวของที่อยู่ด้านในออกมา แต่ก็พบว่าเสียหายใช้การไม่ได้แล้ว โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ก่อน

จากการสอบถามพระประกอบ กัณตธรรมโม อายุ 68 ปี พระลูกวัดที่จำพรรษาอยู่ในห้องโถงชั้นล่างภายในอุโบสถที่เกิดเหตุ เล่าให้ฟังว่า ที่วัดมีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ที่วัดรวม 6 รูป แต่มีอาตมาเพียงรูปเดียวที่อยู่พักอาศัยอยู่ที่ห้องโถงภายในอุโบสถ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 ช่วงเกิดเหตุได้ออกไปบิณฑบาตในหมู่บ้านใกล้บริเวณวัด ระหว่างเดินกลับมาถึงที่วัดก็พบเห็นกลุ่มควันลอยออกมาจากชั้นล่างของอุโบสถ เห็นเจ้าหน้าที่ ชาวบ้านและพระลูกวัดช่วยกันฉีดน้ำดับไฟ พร้อมกับกำลังช่วยกันขนข้าวของออกมา โดยด้านในจะมีของใช้จำพวก สังฆทานที่ญาติโยมนำมาถวาย และได้แกะออกมากองรวมกันไว้ มีจีวรพระ เครื่องใช้ไฟฟ้า ทั้ง โทรทัศน์ ตู้เย็น ถูกไฟไหม้จนเสียหายหมดเหลือแต่ซาก

อย่างไรก็ตามสาเหตุเบื้องต้นคาดว่า อาจจะมาจากกระแสไฟฟ้าที่เกิดมาจากตู้เย็นซึ่งถูกไฟเผาวอดเสียหายเหลือแต่ซาก และอาจจะลุกลามไปติดสิ่งของรวมถึงของใช้ต่าง ๆที่อยู่ภายใน แต่ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบหาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งถึงการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้