เปิดหลักสูตรการฝึกอบรม ผู้บังคับกองร้อยอาสารักษาดินแดน รุ่นที่ 52 และรุ่น 53 ประจำปี 2562

รองอธิบดีกรมการปกครอง เปิดหลักสูตรการฝึกอบรม ผู้บังคับกองร้อยอาสารักษาดินแดน รุ่นที่ 52 และรุ่น 53 ประจำปี 2562

วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 ณ ค่ายธนะรัชต์ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายกองเอกศักดิ์ฤทธิ์ สลักคำ รองหัวหน้าฝ่ายอำนวยการกองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน/รองอธิบดีกรมการปกครอง เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกอบรมหลักสูตร ผู้บังคับกองร้อยอาสารักษาดินแดน รุ่นที่ 52 และรุ่น 53 ประจำปี 2562 โดยมีผู้เข้ารับการฝึกอบรมเป็นนักศึกษาหลักสูตรนายอำเภอ รุ่นที่ 77 และรุ่นที่ 78 รวมทั้งสิ้นจำนวน 200 นาย มีระยะเวลาการฝึกอบรม ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2562 ถึงวันที่ 27 กรกฎาคม 2562 รวม 28 วัน ทั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก พลตรีวุฒิไกร คล้ายทอง ผู้บัญชาการศูนย์การกำลังสำรอง คณะนายทหารประจำหลักสูตรฯ พร้อมด้วยนายกองเอกศิริรักษ์ เชาวนปรีชา ผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายอำนวยการกองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน นายอลงกรณ์ แอคะรัจน์ อธิการวิทยาลัยการปกครอง ปลัดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายอำเภอปราณบุรี และวิทยากรโครงการฯ ร่วมในพิธีเปิดครั้งนี้

รองอธิบดีฯ กล่าวว่า การป้องกันประเทศชาติเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคนที่จะต้องร่วมมือช่วยเหลือ และจะต้องได้รับการฝึกอบรมเพื่อให้มีความรู้ในการที่จะป้องกันตนเองและประเทศชาติ จึงจำเป็นที่จะต้องมีการฝึกอบรมและจัดหน่วยการบังคับบัญชาเตรียมไว้แต่เวลาปกติ กองอาสารักษาดินแดน (อส.) เป็นกองกำลังกึ่งทหาร ทำหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยร่วมกับพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ ปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมาย การจัดระเบียบสังคม การบริการประชาชน รวมถึงรักษาความปลอดภัยในสถานที่สำคัญ และการคมนาคม รวมทั้งเป็นกำลังสำรองส่วนหนึ่งที่พร้อมจะเพิ่มเติมและสนับสนุนกำลังทหารได้เมื่อมีการร้องขอทั้งในยามปกติและยามศึกสงคราม หลักสูตรผู้บังคับกองร้อยอาสารักษาดินแดน เป็นหนึ่งในหลักสูตรที่นักเรียนนายอำเภอทุกคนจะต้องผ่านการฝึกอบรม เพราะนายอำเภอต้องปฏิบัติงานในภูมิภาคต่างๆ จะต้องไปเป็นผู้บังคับบัญชาสมาชิกอาสารักษาดินแดน จึงต้องเรียนรู้หลักปฏิบัติที่ถูกต้อง เพื่อให้สามารถเป็นผู้บังคับกองร้อยอาสารักษาดินแดนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความรู้ความสามารถในการปฏิบัติงานทางทหาร รวมทั้งงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องระหว่างฝ่ายทหารกับฝ่ายปกครอง เพื่อให้สามารถประสานงานกับฝ่ายทหารได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง มีจิตใจที่เข้มแข็ง พร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ ขอให้ผู้เข้ารับการฝึกได้นำความรู้ ทักษะและประสบการณ์ไปปรับใช้ในการปฏิบัติงานให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในพื้นที่ เพื่อให้เกิดประโยชน์สุขแก่ประชนชนต่อไป