สกู๊ป เมื่อ จังหวัดสงขลากลายเป็นสนามค้ามนุษย์ หรือ เทียร์ 3 จะหวลสู่ประเทศไทยอีกครั้ง

สกู๊ป
เมื่อ จังหวัดสงขลากลายเป็นสนามค้ามนุษย์ หรือ เทียร์ 3 จะหวลสู่ประเทศไทยอีกครั้ง
นับแต่ต้นปี 2562 ที่ผ่านมา พื้นที่ของจังหวัดสงขลา ได้กลายเป็น”สมรภูมิ” ของการ”ค้ามนุษย์” ที่มีชื่อโด่งดังที่สุดของประเทศไทย
เพราะเจ้าหน้าที่หลายฝ่าย ทั้งทหาร ตำรวจ โดยเฉพาะศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว และป้องกันการค้ามนุษย์ ที่มี พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจ ทำหน้าที่ ผู้อำนวยการศูนย์ฯ ได้นำกำลังเข้า จับกุม ผู้หลบหนีเข้าเมือง ที่ถูก ขบวนการค้ามนุษย์ นำมา หลบซ่อน ไว้ ในพื้นที่ เกือบทุกอำเภอของ จ.สงขลา ได้ผู้ต้องหา ที่รวบรวมเป็นตัวเลขแล้ว น่าจะไม่ต่ำกว่า 5,000 คน
ในอดีต เมื่อปี พ.ศ. 2558 จังหวัดสงขลา เคยโด่งดังในเรื่องของ ขบวนการค้ามนุษย์ จาการที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ในส่วนของ”ภัยแทรกซ้อน” ได้ทำการ ทลายขบวนการ ค้ามนุษย์ ที่นำเอา ชาว โรฮินจา จากรัฐยะไข่ ประเทศเมียนมาร์ เข้ามา หลบซ่อน ในค่ายกักกัน ที่เทือกเขาแก้ว ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ชายแดนไทย-มาเลเซีย โดยมี”เหยื่อ” ของการค้ามนุษย์ ถูก กักขัง จนเสียชีวิต เพราะ อดยาก และโรคภัย ไข้เจ็บ จำนวนหนึ่ง
และจาก ค่ายกักกัน ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ทำการเชื่อมโยงไปยังหลายพื้นที่ของ จ.สงขลา ที่ ขบวนการค้ามนุษย์ ได้วางเครือข่าย เป็น”ใยแมงมุม” ซึ่งโยงใยไปถึง ขบวนการค้ามนุษย์ใน จังหวัดสตูล เป็นขบวนการที่มีนักการเมืองท้องถิ่น ตั้งแต่ นายก อบจ.จนถึง นายก เทศบาล และนายก อบต รวมทั้ง ส.อบจ. และ ส.อบต. อีกจำนวนหนึ่ง
และจากการ เดินหน้าขุดรากถอนโคน เพื่อที่จะเอาใจ สหภาพยุโรป หรือ”อียู” ที่ จัดให้ประเทศไทยอยู่ในบัญชีประเทศผู้ค้ามนุษย์ในระดับ “เทียร์ 3” ด้วยการ แบน การส่งออก สัตว์น้ำ จากประเทศไทย หากไทยยังปล่อยให้ ประเทศเป็นดินแดนของการค้ามนุษย์
ทำให้ กลุ่มค้ามนุษย์ ที่อยู่ในจังหวัดภาคใต้ทั้งหมด จาก สงขลา,สตูล,นครศรีธรรมราช,พังงา จนถึง จังหวัดระนอง ซึ่งมีทั้ง นายทุน,แพปลา เจ้าหน้าที่ ตำรวจ, ทหาร ระดับสัญญาบัตร ถูกออกหมายจับ กว่า 100 คน ในฐานะที่ โยงใย ในขบวนการ ค้ามนุษย์ เพื่อส่งไปยังประเทศที่สาม
นักการเมืองชื่อดัง ที่ติด”ร่างแห” และถูกสั่งฟ้อง ซึ่งเป็นคนดังในภาคใต้เช่น “โกโต้ง” อดีตนายก อบจ.สตูล “โกจง” อดีตนายกเทศบาลปาดังเบซาร์ จ.สงขลา รวมทั้ง ตชด. ตำรวจภูธร และ ทหารในสังกัด กอ.รมน.ในภาคใต้ และที่ ช็อค วงการ สีเขียวคือ พล.ท.มนัส คงแป้น ผู้ทรงคุณวุฒิ กองทัพบก ที่ตกเป็นผู้ต้องหา เพราะการตรวจพบ เส้นทางการเงิน ที่โยงใยกับ ขบวนการ ค้ามนุษย์ ใน จ. พังงา
และที่ต้องจดจำอีกเรื่องหนึ่งคือ นายตำรวจผู้รับผิดชอบคดีนี้ หลังจบการทำสำนวนส่งฟ้อง คือ พล.ต.ต.ประวีณ พงษ์สิรินทร์ ถูกคำสั่งย้ายไปเป็นรอง ผบช.ศชต. ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จนทำให้ต้องขอลี้ภัยไปยังประเทศออสเตรเลีย เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้

วันนี้ ผู้ต้องหาในขบวนการค้ามนุษย์ กว่า 70 คน ถูกศาลตัดสินให้จำคุก ตั้งแต่คนละ 30-45 ปี และยังต่อสู้คดีอยู่ในขั้นของศาลฎีกา โดยที่ไม่มีใครได้รับการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดี นโยบาย ที่รัฐบาลไทยต้องแสดงให้ “อียู” เห็นว่า ได้มีการปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง
และอาจจะเป็นเพราะผลพวงของการ ดำเนินการกับขบวนการ ค้ามนุษย์ ชาวโรฮินจา อย่างไม่มีการ ยกเว้น ไม่ว่าจะเป็น”หน้าอินทร์ หน้าพรหม” ในครั้งนั้น จึงทำให้ ประเทศไทย ได้รับการ ปรับลดลงจากสถานะ”เทียร์ 3” และ กลายเป็นผลงานให้ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เชิดหน้าชูตา กลายเป็นผลงานชิ้นโบว์แดง ของรัฐบาล คสช..ในที่สุด
แต่…ในที่สุด เพียงระยะเวลา 4 ปี ขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งก็คือ เครือข่ายเดิม ที่ไม่ถูก กวาดล้างในครั้งนั้น ก็เติบโต กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง มีการนำผู้หลบหนีเข้าเมือง ทั้งที่เป็น”โรฮินจา” เป็น”พม่า” เป็นเขมร และล่าสุด ที่จับกุมได้ เป็นชาว “คะฉิ่น” จากประเทศพม่า ซึ่งผู้หลบหนีเข้าเมืองเหล่านี้ ถูกขบวนการ นำมา หลบซ่อน ในพื้นที่ต่างๆ เช่น อ.สิหนคร, อ.บางกล่ำ, อ.นาหม่อม ,อ.รัตภูมิ อ.หาดใหญ่ และ อ.สะเดา โดยเฉพาะ พื้นที่แนวชายแดน ต.ปาดังเบซาร์ ต.สำนักขาม ,สำนักแต้ว, และ ทุ่งหมอ กลายเป็น พื้นที่ หลบซ่อน ของ”คนเถื่อน” นับร้อย นับพัน ชีวิต เป็นการ “หลบซ่อน” เพื่อรอการ หลบหนีเข้าเมือง ไปยังประเทศ มาเลเซีย

สำหรับ เส้นทางการหลบหนีเข้าเมือง ทั้ง “โรฮินจา” พม่า และ กัมพูชา มีทั้งมาทางบก และทางเรือ สำหรับทางเรือคือ จ.ระนอง และ สตูล ส่วนเส้นทางบก คือชายแดนด้านภาคเหนือ ของประเทศไทยเป็นหลัก โดยทุกคนที่หลบหนีเข้าเมือง ต้องจ่าย”ค่าหัว” ตั้งแต่ 30,000-50,000 บาทต่อคน โดย ปลายทางของคนเหล่านี้ ส่วนหนึ่งคือ ประเทศมาเลเซีย อีกส่วนหนึ่ง คือการเข้ามาเพื่อเป็นแรงงานเถื่อนในพื้นที่
แรงงานเถื่อน จำนวนหนึ่ง สามารถเดินทางไปยัง ประเทศมาเลเซีย สำเร็จ และอาจจะมีชีวิตที่ดีขึ้น โดยเฉพาะผู้หนีภัยสงครามชาว “โรฮินจา”จากรัฐยะไข่ ประเทศเมียนมาร์ ที่ รัฐบาลมาเลเซียพร้อมให้การช่วยเหลือ ในฐานของ”มุสลิม”ด้วยกัน แต่ แรงงานเถื่อน อีกส่วนหนึ่ง ไปไม่ถึง”ฝั่งฝัน” เพื่อไปสู่ชีวิตที่ดีกว่าที่บ้านเกิด เนื่องจาก ส่วนหนึ่งเสียชีวิตระหว่างเดินทาง ด้วยอุบัติเหตุ รถคว่ำ เรือล่ม โรคภัย ไข้เจ็บ อดยาก ในการถูกนำมา หลบซ่อน เจ้าหน้าที่ และ ส่วนหนึ่ง ถูกจับกุม ดำเนินคดีหลบหนีเข้าเมือง และส่งกลับประเทศ อะไร ที่ทำให้ ขบวนการค้ามนุษย์กลายเป็น”เชื้อชั่วที่ฆ่าไม่ตาย” ทั้งที่ในการกวาดล้างใหญ่เมื่อ 2558 หัวขบวนการ ต่างรับโทษอย่างทั่วถ้วน สาเหตุคือ การค้ามนุษย์ใน จ.สงขลา ได้กลายเป็น วงจร ของธุรกิจเถื่อน ที่มีการเชื่อมโยงกับขบวนการค้ามนุษย์ใน เมียนม่าร์ ใน กัมพูชา และ เครือข่าย ในประเทศ ตั้งแต่ภาคเหนือ จนถึงภาคใต้ ซึ่งกลายเป็น เส้นทาง ของการค้ามนุษย์ ที่ยังไม่ถูกทำลายโดยกฎหมาย
และที่ กฎหมาย ยังเอื้อมไปไม่ถึง ก็ไม่ได้หมายถึง ขบวนการค้ามนุษย์เหล่านี้ จะมากด้วยอิทธิพล หรือเป็น”มาเฟีย” แต่อย่างใด แต่เป็นเพราะ เงินจากขบวนการค้ามนุษย์ ถูกแจกจ่าย ให้กับ หน่วยงานที่รับผิดชอบ ในเรื่องการปราบปราม”คนเถื่อน” หรือ ลักลอบหลบหนีเข้าเมือง โดยเฉพาะ เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ซึ่งรู้ดีว่า ใครเป็นใคร ในขบวนการค้ามนุษย์ และรู้ดีด้วยว่า “คนเถื่อน” เหล่านี้ ถูกนำไป หลบซ่อน ในพื้นที่ไหน ที่ตนเองรับผิดชอบ

แม้ว่า ผลพวง จากการที่ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจ นำกำลังเข้ากวาดล้างคนเถื่อนเหล่านี้ จะส่งผลให้มีการ “เด้ง” ผกก.ตรวจคนเข้าเมือง และ ผกก.สส. สำนักงานตรวจคนเข้าไป จ.สงขลา ขาดจากตำแหน่ง และเด้ง ผกก.บางพื้นที่ของ จ.สงขลา แต่ก็ไม่ได้ทำให้ ขบวนการค้ามนุษย์ ในพื้นที่ จ.สงขลา หยุดชะงัก เพราะเจ้าหน้าที่ยัง สามารถจับกุม “คนเถื่อน” ที่ถูก ขบวนการค้ามนุษย์ นำมา หลบซ่อน ในพื้นที่ต่างๆ ได้ทุกๆ วัน จนเหมือนกับว่า การจับ”คนเถื่อน” ในพื้นที่ จังหวัดสงขลา กลายเป็นเรื่อง ปกติ ไปแล้ว
ที่ ผ่านมา ชื่อเสียงของจังหวัดสงขลา โด่งดัง ในเรื่องของขบวนการค้ามนุษย์ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และ นับเป็น 1 ใน 6 จังหวัดของประเทศ ที่ถูกขึ้นบัญชีเป็นจังหวัดที่มีการค้ามนุษย์ และเชื่อว่าหากสถานการณ์ การค้ามนุษย์ที่ จ.สงขลา ยัง อื้อฉาว เช่นนี้ โอกาสที่ประเทศไทย จะถูก “อียู” หรือ สหภาพยุโรป และ สหประชาชาติ ขึ้นบัญชีดำ กลับไปสู่”เทียร์ 3” อีกครั้ง ก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่สิ่งที่ เสียหายมาก สำหรับ คนสงขลาคือ วันนี้ จังหวัดสงขลา ได้กลายเป็น”แผ่นดินบาป” เพราะเป็น ดินแดน ของการ”ค้ามนุษย์”ที่ใหญ่ที่สุด ในประเทศไปแล้ว นั่นเอง

ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

Leave a Reply

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com
Share via
Copy link