“สตม.จับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไต้หวันใช้ประเทศไทยเป็นฐาน ข่มขู่เรียกเงินคนชาติเดียวกัน มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท”

“สตม.จับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไต้หวันใช้ประเทศไทยเป็นฐาน ข่มขู่เรียกเงินคนชาติเดียวกัน มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท”

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม 3, เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2562 ชุดสืบสวน ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ร่วมกับ กองกำกับการสืบสวนสอบสวน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 และตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี ได้สืบสวนติดตามกลุ่มบุคคลชาวไต้หวันที่ใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำผิด ข่มขู่เรียกเงินคนชาติเดียวกัน หลังจาก ได้รับการร้องขอจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไต้หวันประจำประเทศไทย ว่ามีกลุ่มคนร้ายชาวไต้หวันได้ตั้งฐานศูนย์โทรศัพท์ (Call Center) ในประเทศไทยแล้วโทรศัพท์ผ่านระบบโทรศัพท์ทางอินเตอร์เน็ต หรือ วีโอไอพี (VOIP : Voice Over Internet Protocol) ไปหลอกลวงเหยื่อชาวไต้หวันโดยปลอมเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสุขภาพ หลอกเหยื่อว่าบัตรประกันสุขภาพของเหยื่อถูกขโมยหลังจากนั้นมีการโอนสายที่สองอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อ บอกเหยื่อว่าอัยการที่ดูแลเรื่องนี้ให้มาศาลให้เหยื่อหลงเชื่อ ต่อมาจึงส่งแฟกซ์ซึ่งเป็นหนังสือราชการปลอมให้กับเหยื่อ เหยื่อจึงหลงเชื่อว่าเป็นความจริง หลังจากนั้นจึงมีการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารของไต้หวันที่เปิดรองรับไว้แล้วมีกลุ่มคนร้ายอีกกลุ่มถอนเงินออก เบื้องต้นกลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้หลอกลวงเหยื่อตั้งแต่ประมาณเดือน ตุลาคม 2561 ถึงปัจจุบันนี้ ความเสียหายที่ผู้เสียหายแจ้งความร้องทุกข์ที่ไต้หวัน แล้วจำนวน 21 ราย รวมความเสียหายประมาณ 30 ล้านบาท ผบช.สตม. จึงได้สั่งการให้ชุดจับกุมสืบสวนจนทราบว่ากลุ่มคนร้ายตั้งฐานเป็นศูนย์โทรศัพท์อยู่ในบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ อยู่หมู่ที่ 4 ต.สเม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี สืบสวนพบชาวไต้หวัน จำนวน 13 คน เป็นบุคคลมีพฤติการณ์เป็นภัยต่อสังคมฯ ผบก.ตม.3 จึงดำเนินการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรและควบคุมกักตัวไว้ที่ห้องกัก สตม. เพื่อรอผลักดันส่งกลับไต้หวันต่อไป
จากการตรวจสอบบ้านพักที่เป็นศูนย์โทรศัพท์ (Call Center) พบของกลางที่เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิดในการหลอกลวงผู้เสียหายชาวไต้หวัน เช่น โทรศัพท์มือถือ จำนวน 44 เครื่อง, คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค จำนวน 10 เครื่อง, เครื่องปล่อยสัญญาณอินเตอร์เน็ต (เร้าเตอร์) จำนวน 17 เครื่อง, กล่อง Voip Gateway จำนวน 23 กล่อง, เครื่องโทรศัพท์บ้าน จำนวน 43 เครื่อง, ซิมการ์ดที่ยังไม่ได้ใช้งาน จำนวน 5 ชิ้น, ซิมการ์ด Roaming ยี่ห้อ จำนวน 4 ชิ้น, เครื่องบันทึกเสียงไม่ทราบยี่ห้อ จำนวน 3 เครื่อง, แผ่นกระดาษและสมุดจดบันทึกเป็นภาษาจีน (สคริปต์บทสนทนาหลอกลวง)จำนวนมาก, หนังสือจิตวิทยาขั้นสูงในการก่ออาชญากรรม ฉบับภาษาจีน จำนวน 1 เล่ม และแฟลชไดร์ฟ จำนวน 3 ชิ้น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไต้หวันให้ความสำคัญกับคดีนี้มากใช้ระยะเวลาในการสืบสวนติดตามเป็นระยะเวลานานเนื่องจากกลุ่มคนร้ายมีความสามารถในการหลบซ่อนและหลอกลวงเหยื่อจำนวนมากมีมูลค่าความเสียหายสูง โดยในวันนี้ทางการไต้หวันได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไต้หวัน จำนวน 5 นาย เดินทางเข้าพบ ผบช.สตม. เพื่อประสานงานและขอตรวจสอบพยานหลักฐานที่ตรวจยึดไว้ ซึ่งจะต้องทำการสืบสวนขยายผลประสานข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง อย่างต่อเนื่อง…

CR จตุรอาชา

Leave a Reply

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com
Share via
Copy link