ตามนโยบายของรัฐบาลให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.ท.เชษฐา โกมลวรรธนะ ผบช.ทท.,พล.ต.ต.อังกูร คล้ายคลึง รองผบช.ทท.,พล.ต.ต.วรพงษ์ ทองไพบูลย์ ผบก.ทท.1,พ.ต.อ.อำนาจ โฉมฉาย รองผบก.ทท.1 ดำเนินการกวดขันจับกุมกลุ่มบุคคลกลุ่มบุคคลต่างชาติ ที่เข้ามากระทำผิดในประเทศไทยในลักษณะขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งส่งผลกระทบกับความมั่นคงทางเศรษฐกิจและส่งผลต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจงานสืบสวนกก.1 บก.ทท.1 บช.ทท.ได้รับการประสานงานจากเจ้าหน้าที่ธนาคารออมสินและธนาคารซิตี้แบงก์ ให้ช่วยตรวจสอบพฤติกรรมการใช้บัตรเครดิตป้อมในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร จึงได้ทำการสืบสวนสอบสวนจนกระทั่งเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2562 สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้จำนวน 2 รายคือ 1.นายอเล็กซานเดอร์ เอ็ดดีเลียส(MR.ALEXANDER ADELIUS)อายุ32ปี สัญชาติ อินโดนีเซีย
2.นางสาวเอสตี้ รัสเดียวน่า(MS.ESTI RUSDIANA) อายุ33ปี สัญชาติอินโดนีเซีย
ซึ่งจับกุมได้บริเวณห้องพักโรงแรมแห่งหนึ่งย่านประตูน้ำกรุงเทพฯ พร้อมของกลาง คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คจำนวน 1 เครื่อง,เครื่องบันทึกข้อมูลลงแถบแม่เหล็กจำนวน 1 เครื่อง, บัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมจำนวน 22 ใบ, บัตรอิเล็กทรอนิกส์ผู้อื่นจำนวน 2 ใบ และสลิปยอดการใช้บัตรรูดจากเครื่องอนุมัติเงินสดจำนวน 24 ใบ จึงได้แจ้งข้อหา”ร่วมกันมีบัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมหรือแปลงฯโทษจำคุกตั้งแต่ 1- 7 ปีปรับตั้งแต่20,000-140,000บาท”, “ร่วมกันมีบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นฯโทษจำคุกไม่เกิน3ปีหรือปรับไม่เกิน60,000บาท” และ “ร่วมกันมีเครื่องมือหรือวัตถุสำหรับปลอมหรือแปลงบัตรอิเล็กทรอนิกส์ โทษจำคุกตั้งแต่1-5ปี ปรับตั้งแต่10,000-100,000บาท” นำตัวส่งพนักงานสอบสวนสน. พญาไทเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยพฤติการณ์การก่อเหตุผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ต้นได้ซื้อข้อมูลจากเว็บไซต์ตลาดมืดในอินเตอร์เน็ต และนำมาลงข้อมูลในบัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัตรเครดิตที่มีแถบแม่เหล็ก จากนั้นจะนำไปรูดซื้อสินค้าหรือรูดเป็นเงินสดโดยจะตระเวนก่อเหตุในย่านห้างสรรพสินค้าดังๆ หรือที่มีผู้คนพลุกพล่านใช้บริการมากๆ ซึ่งจะจับผิดสังเกตได้ยากซึ่งได้สร้างมูลค่าความเสียหายกว่า 2 ล้านบาท อย่างไรก็ดีขอฝากถึงผู้ประกอบการร้านค้าต่างๆให้ช่วยกันตรวจสอบผู้ที่นำบัตรมารูดซื้อสินค้าว่าเป็นเจ้าของบัตรตัวจริงหรือไม่เพื่อป้องกันการก่อเหตุของกลุ่มมิจฉาชีพ
Leave a Reply