ปทุมธานี ส.ส.อนาคตใหม่นำมวลชนชุดดำบุกทวงถามขอสำเนาคำวินิจฉัย กกต. ครั้งที่ 3

ปทุมธานี ส.ส.อนาคตใหม่นำมวลชนชุดดำบุกทวงถามขอสำเนาคำวินิจฉัย กกต. ครั้งที่ 3
วันที่ 7 มกราคม 2563 ที่สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ นางสาวจารุวรรณ ศรัณย์เกตุ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ และเป็นกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ แต่งกายด้วยชุดสีดำ บุกทวงถามตามขอสำเนาหนังสือคำวินิจฉัย จาก คณะกรรมการ กกต. จากกรณีมีมติด้วยคะแนนเสียงข้างมากให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณายุบพรรคอนาคตใหม่ ตามที่เคยเป็นข่าวมาแล้วนั้น ซึ่งจะมีการพิจารณาคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 21 ม.ค. นี้ โดยมี ส.ส.อนาวิล รัตนสถาพร ส.ส.ปทุมธานี เขต 3 พรรคอนาคตใหม่ พร้อมมวลชนร่วมแต่งชุดดำกว่า 60 คน ร่วมมาให้กำลังใจ
โดยครั้งที่ 1 นางสาวจารุวรรณ ศรัณย์เกตุ ได้ยื่นเอกสารคำร้องฯ ในวันที่ 18 มกราคม 2562 เวลาประมาณ 10.00 น. และ ครั้งที่ 2 ได้ติดตามทวงถามอีกครั้ง ในวันที่ 25 มกราคม 2562 เวลาประมาณ 10.00 น. อีกครั้ง ซึ่งเดินทางมาติดต่อด้วยตนเองและสอบถามด้วยวาจาเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งปรากฏข้อความตามสื่อต่างๆที่ได้นำเสนอข่าวไป โดยทาง กกต.ได้มอบหมายให้ นายโชคดี ด้วงแป้น ผู้อำนวยการฝ่ายมาตรการทางปกครอง สำนักกิจการพรรคการเมือง สำนักงาน กกต. มารับหนังสือ ได้ชี้แจงเพียงสั้นๆแค่ว่า ทางสำนักงานได้รับทราบหนังสือคำขอดังกล่าวแล้ว อยู่ระหว่างสำนักกฎหมายของสำนักงานพิจารณา เนื่องจากเอกสารมีจำนวนมาก และเป็นเอกสารลับ จึงต้องพิจารณาให้รอบคอบ โดยจะพยายามเร่งรัดให้สำนักกฎหมายพิจารณาโดยเร็ว และจะแจ้งให้ผู้ร้องทราบ
โดย นางสาวจารุวรรณ กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว ที่ดิฉันได้ติดตามเพื่อทวงถามตามเอกสารที่ดิฉันได้ยื่นไว้ก่อนหน้านั้น (ตามที่อ้างถึง) อีกครั้ง ซึ่งการที่คณะกรรมการการเลือกตั้งได้อ้างว่า ได้พิจารณาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานนั้นข้อเท็จจริงดังกล่าวได้มาจากคำให้การของพยานปากใด หรือเอกสารใดในสำนวนการสืบสวนหรือไต่สวนคดีนี้ แต่ในคำแถลงการณ์ดังกล่าวก็ไม่ปรากฏเป็นการกล่าวอ้างๆ อันเป็นการขาดข้อเท็จจริงและพยานยืนยันเสมือนการพิจารณาและวินิจฉัยดังกล่าวเป็นการตีความตามความคิด และความเข้าใจของคณะกรรมการเลือกตั้งเสียงข้างมากเท่านั้น อันขัดกับหลักพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2537 ว่าคำสั่งทางปกครองเป็นหนังสือต้องจัดให้มีเหตุผลไว้ด้วยและเหตุผลนั้นอย่างน้อยต้องประกอบด้วย (1) ข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญ (2) ข้อกฎหมายที่อ้างอิง (3) ข้อพิจารณาและข้อสนับสนุนในการใช้ดุลพินิจ และตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 ที่กำหนดให้เจ้าหน้าที่ คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง คณะอนุกรรมการวินิจฉัย และคณะกรรมการการเลือกตั้ง ต้องพิจารณาแล้วสรุปความเห็นโดยให้มีเหตุผลในการพิจารณาทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ยกขึ้นอ้างอิงเท่านั้น (ตามราชกิจจานุเบกษา ระเบียบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ส่วนที่3 การพิจารณาและวินิจฉัยชี้ขาดของคณะกรรมการ ตามข้อ 82 , 83 และ 84 )
นอกจากนี้ก็ไม่มีข้อเท็จจริงในคำวินิจฉัยหรือรายงานการสอบสวนว่า การสืบสวนไต่สวนและคำวินิจฉัยดังกล่าวได้มีการกระทำตามขั้นตอน และมีการแจ้ง ข้อกล่าวหาและสิทธิการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาแก่พรรคการเมืองและคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง เพื่อให้ชี้แจงแสดงหลักฐานแก้ข้อกล่าวหาอันเป็นสิทธิโดยชอบธรรมตามกฎหมายตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 ถ้าการดำเนินการดังกล่าวไม่ครบถ้วนตามกำหนดก็จะมีผลทำให้คำวินิจฉัยดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่มีผลให้คณะกรรมการการเลือกตั้งมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้


ดังนั้นเพื่อความยุติธรรม และใช้สิทธิตามกฎหมาย เพื่อเปิดโอกาสได้ต่อสู้ข้อกล่าวหาอย่างเป็นธรรม ดิฉันจึงขอใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 41 เสนอเรื่องราวร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) และสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ และขอได้รับแจ้งผลการพิจารณาโดยรวดเร็ว และตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 มาตรา 34,35,36,37 และตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ.2540
โดยนางสาวจารุวรรณ กล่าวทิ้งท้ายว่า ขนาดดิฉัน เป็น ส.ส. เป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนที่ได้รับการเลือกตั้งมาอย่างถูกต้อง ยังถูกกระทำด้วยกระบวนการกฎหมายที่ส่อว่าไม่เป็นธรรม ไม่ยุติธรรม และการดำเนินการต่างๆของ กกต. ส่อให้เห็นว่ามีเหตุจงใจใช้อำนาจโดยมิชอบ และการถูกกระทำเช่นนี้ จะบอกกับพี่น้องประชาชนที่เลือกดิฉัน และพรรคอนาคตใหม่ได้อย่างไร จะปกป้องด้วยสิทธิเสรีภาพแห่งความยุติธรรมได้อย่างไร
หากในครั้งนี้ ดิฉันยังไม่ได้รับเอกสารใดๆ ตามที่ได้ร้องขออีก ถือได้ว่าทางคณะกรรมการ กกต. มีเจตนาจงใจกระทำความผิด ปกปิดซ่อนเร้น อำพราง ข้อมูลอันเป็นสิทธิตามกฎหมาย และเข้าข่ายมีความผิดฐานการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ม.157 อีกทั้งยังบังอาจมีเจตนาจงใจละเมิดสิทธิใช้อำนาจโดยมิชอบ กระทำการผิดขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม นำเสนอใส่ความอันเป็นเท็จสู่สาธารณะชน ดิฉันจะไม่ยอมย่อท้อ และจะขอใช้สิทธิแห่งความยุติธรรมเพื่อต่อสู้เรียกร้องฟ้องเอาผิดกลับ ตามสิทธิกระบวนการกฎหมายต่อไปอย่างถึงที่สุด.

อนันต์ปทุมธานี

Leave a Reply

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com
Share via
Copy link