“องคมนตรี ประชุมติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ร่วมพิจารณาแผนปฏิบัติการดัดแปรสภาพอากาศ การจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง และความพร้อมของอากาศยานปฏิบัติการฝนหลวงสู้ภัยแล้ง ปี 2563!!

วันที่ 31 มกราคม 2563 เวลา 09.00 น. พลอากาศเอก ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี และนายจรัลธาดา กรรณสูต องคมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิฝนหลวงครั้งที่ 1/2563 ณ ห้องประชุมเทวกุล กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ซึ่งเป็นการประชุมติดตามความก้าวหน้าดำเนินงานของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ต่อเนื่องจากปี 2562 เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างอัตรากำลังกรมฝนหลวงและการบินเกษตร การปรับปรุงสนามบินท่าใหม่ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ความก้าวหน้าโครงการศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการดัดแปรสภาพอากาศตามตำราฝนหลวงพระราชทาน รวมทั้งพิจารณาแผนปฏิบัติการดัดแปรสภาพอากาศ การจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง และความพร้อมของอากาศยานที่จะใช้ในการปฏิบัติการฝนหลวง ประจำปี 2563 จากภาวะวิกฤติภัยแล้ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีความห่วงใยพสกนิกรที่กำลังเผชิญปัญหาภัยแล้ง กรมฝนหลวงและการบินเกษตร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงได้เร่งดำเนินการปฏิบัติการฝนหลวงแก้ไขปัญหาภัยแล้งและช่วยบรรเทาปัญหาภัยพิบัติต่างๆ ให้แก่พี่น้องประชาชน

โดยในปี 2563 กรมฝนหลวงและการบินเกษตร มีการทบทวนแผนปฏิบัติการด้านการดัดแปรสภาพอากาศระยะ 20 ปี กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ซึ่งใช้เป็นแนวทางขับเคลื่อนการดำเนินงาน ประกอบด้วยยุทธศาสตร์ 4 ด้าน ได้แก่ ด้านที่ 1 เพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งและบรรเทาภัยพิบัติเชิงพื้นที่ ด้านที่ 2 เพิ่มประสิทธิภาพการดัดแปรสภาพอากาศ ด้านที่ 3 เพิ่มขีดความสามารถการบริหารจัดการด้านการบิน และด้านที่ 4 พัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ ทั้งนี้ แผนปฏิบัติการฯ ดังกล่าว ได้มีการประชุมประชาพิจารณ์จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการแสดงความคิดเห็น เพื่อให้การนำแผนฯ ไปใช้ดำเนินงานให้เกิดประสิทธิภาพต่อประชาชนอย่างสูงสุด นอกจากนี้ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จะดำเนินการเปิดศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงเป็น 7 ศูนย์ทั่วประเทศ ประกอบด้วย ภาคเหนือ ที่ จ.เชียงใหม่ ดูแลพื้นที่ภาคเหนือตอนบน และ จ.พิษณุโลก ดูแลพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ที่ จ.นครสวรรค์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ จ.ขอนแก่น ดูแลพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และ จ.บุรีรัมย์ ดูแลภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก ที่ จ.ระยอง และภาคใต้ ที่ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาภัยแล้งให้กับพี่น้องประชาชนให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

สำหรับความก้าวหน้าการดำเนินงานจากปี 2562 ด้านความก้าวหน้าการปรับปรุงสนามบินท่าใหม่ อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ขณะนี้อยู่ระหว่างสำนักงบประมาณพิจารณาให้ใช้งบประมาณเหลือจ่ายจากกรมฝนหลวงและการบินเกษตร หรือกองทัพอากาศเสนอขอสนับสนุนงบประมาณดำเนินการในขั้นตอนต่อไป ด้านโครงการศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการดัดแปรสภาพอากาศตามตำราฝนหลวงพระราชทาน ณ ศูนย์ฝนหลวงหัวหิน ภายในท่าอากาศยานหัวหิน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อใช้ในการวิจัยและพัฒนาเทคนิคกรรมวิธีที่เกี่ยวข้องกับการดัดแปรสภาพอากาศ การควบคุมคุณภาพการดัดแปรสภาพอากาศ ตลอดจนการกำกับดูแลมาตรฐานการปฏิบัติการฝนหลวง มีแผนดำเนินการเตรียมการสำรวจ ออกแบบอาคาร สิ่งก่อสร้าง จัดทำแผนแม่บท และสถาปัตยกรรมเพื่อขอตั้งงบประมาณปี 2565-2567 จำนวนรวม 425 ล้านบาท โดยขอความอนุเคราะห์จากหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงเตรียมการลงนามความร่วมมือด้านการดัดแปรสภาพอากาศ ระหว่างกรมฝนหลวงและการบินเกษตรกับสถาบันอุตุนิยมวิทยาศาสตร์ ภายใต้องค์การอุตุนิยมวิทยาแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนด้วย

ส่วนผลการการปฏิบัติการฝนหลวงในปี 2562 ตั้งแต่เริ่มตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง เมื่อวันที่ 1 มีนาคม – 15 พฤศจิกายน 2562 มีการขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อช่วยเหลือปัญหาภัยแล้ง เติมน้ำต้นทุน บรรเทาปัญหาหมอกควันไฟป่า ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศ และยับยั้งการเกิดพายุลูกเห็บ จำนวน 241 วัน 6,280 เที่ยวบิน (8,925:26 ชั่วโมงบิน) มีวันฝนตกจากการปฏิบัติการฝนหลวงคิดเป็นร้อยละ 89.20 และจังหวัดที่มีรายงานฝนตกรวม 59 จังหวัด ทั้งนี้ กรมฝนหลวงฯ ยังมีการตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็ว ระหว่างวันที่ 6 พฤศจิกายน 2562 – 26 มกราคม 2563 เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศเกินค่ามาตรฐานบริเวณกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่ประสบภัยแล้งในภูมิภาคต่างๆ โดยทำการตั้งหน่วยฯ 74 วัน ขึ้นบิปฏิบัติการฝนหลวง 15 วัน 74 เที่ยวบิน มีฝนตกจากการปฏิบัติการฝนหลวง 12 วัน มีจังหวัดที่มีฝนตกรวม 15 จังหวัด 46 อำเภอ 10 อ่างเก็บน้ำ และ 2 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า

อย่างไรก็ตาม สำหรับแผนปฏิบัติการดัดแปรสภาพอากาศ ประจำปี พ.ศ. 2563 กรมฝนหลวงและการบินเกษตร เตรียมพร้อมปฏิบัติการฝนหลวงสู้ภัยแล้ง เติมน้ำต้นทุนให้เขื่อนเก็บกักน้ำ บรรเทาปัญหาหมอกควันและไฟป่า ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศ และยับยั้งการเกิดพายุลูกเห็บ โดยขยับเวลาการเริ่มปฏิบัติการเร็วขึ้นจากเดิมคือวันที่ 1 มีนาคมของทุกปี ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมความพร้อมบุคลากรทางการบิน จำนวน 72 นาย อากาศยานของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร จำนวน 32 ลำ ได้แก่ CN 1 ลำ CASA 11 ลำ CARAVAN 11 ลำ Super King Air 2 ลำ และ HELICOPTER 7 ลำ และอากาศยานที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพอากาศ โดยจะมีการเปิดหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 11 หน่วยฯ แบ่งเป็น วันที่ 6-16 กุมภาพันธ์ 2563 เปิดหน่วยปฏิบัติการ จำนวน 6 หน่วย ได้แก่ หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.พิษณุโลก นครสวรรค์ ขอนแก่น บุรีรัมย์ ระยอง และสุราษฎร์ธานี ใช้อากาศยานรวม 12 ลำ (เครื่องบินกรมฝนหลวงและการบินเกษตร 8 ลำ เครื่องบินกองทัพอากาศ 4 ลำ) และเปิดฐานเติมสารฝนหลวง 1 ฐาน ที่ จ.เชียงใหม่ และตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นไป จะเปิดหน่วยปฏิบัติการฯ ทั้งหมด 11 หน่วยฯ ทั่วประเทศ ได้แก่ หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.เชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ กาญจนบุรี ขอนแก่น อุดรธานี บุรีรัมย์ อุบลราชธานี ระยอง ประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน) และสุราษฎร์ธานี ใช้อากาศยานรวม 29 ลำ (เครื่องบินฝนหลวง 23 ลำ และเครื่องบินกองทัพอากาศ 6 ลำ) โดยเปิดฐานเติมสารฝนหลวง จำนวน 5 ฐาน ที่ จ.ตาก ลพบุรี สกลนคร จันทบุรี และสงขลา (หาดใหญ่) ทั้งนี้ เพื่อให้การปฏิบัติการฝนหลวงตามตำราฝนหลวงพระราชทาน สามารถคลี่คลายปัญหาภัยแล้งในทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ และเกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อพี่น้องประชาชน!!

#กรมฝนหลวงและการบินเกษตร!!

Leave a Reply

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com
Share via
Copy link