“จุรินทร์”หารือผู้ให้บริการส่งอาหารถึงบ้าน ขอความร่วมมือไม่ปรับขึ้นค่าบริการ และคงราคาเดิมต่อไป เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่จำเป็นต้องใช้บริการในช่วงการรับมือกับไวรัสโควิด-19 พร้อมขอให้เร่งเพิ่มจำนวนร้านค้า เพื่อช่วยร้านค้าให้มีช่องทางจำหน่าย และช่วยประชาชนให้มีทางเลือกในการบริโภคมากขึ้น ส่วนห้าง ร้านสะดวกซื้อ รับปากคงราคาจำหน่ายสินค้าเท่าเดิม
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับผู้ประกอบธุรกิจ 3 กลุ่ม ประกอบด้วยห้างค้าส่งค้าปลีก (Modern Trade) ผู้ประกอบธุรกิจการให้บริการส่งถึงบ้าน (Delivery service) และกลุ่มผู้รับส่งพัสดุภัณฑ์ ว่า ได้ขอความร่วมมือผู้ให้บริการเดลิเวอรี่ เช่น แกร็บ ไลน์แมน ลาลามูฟ และเก็ท ได้ทำพันธสัญญาในช่วงวิกฤตที่ประชาชนเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารโดยสั่งมารับประทานที่บ้านจากความกังวลการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยจะไม่ปรับขึ้นราคา หรือตั้งราคาการให้บริการราคาเดิมต่อไป และได้ขอให้ผู้ให้บริการทุกรายแจ้งราคาค่าบริการให้กับกรมการค้าภายในรับทราบด้วย
ทั้งนี้ ค่าบริการจัดส่ง เบื้องต้นผู้ประกอบการแจ้งว่า การจัดส่งอาหารในพื้นที่ไม่เกิน 5 กิโลเมตร (กม.) จากร้านค้า จะคิดเฉลี่ยอยู่ที่ 10 บาท จากนั้นจะคิดค่าบริการเป็น กม. ละ 8-10 บาท
ขณะเดียวกัน ทางผู้ให้บริการยังแจ้งว่าจะหาทางเพิ่มจำนวนร้านอาหารเข้ามาในแพลตฟอร์มให้ได้มากที่สุด เพื่อเปิดโอกาสให้ร้านอาหารได้มีช่องทางในการจำหน่ายมากขึ้น และให้ผู้บริโภคที่จำเป็นต้องอยู่กับบ้าน ได้มีทางเลือกในการบริโภคมากขึ้น และพร้อมจะเปิดรับพนักงานบริการเพิ่มขึ้น ซึ่งหลายบริษัทได้มีการประกาศรับพนักงานไม่จำกัดจำนวน ซึ่งจะช่วยให้คนมีงานทำ และยังเปิดโอกาสให้กลุ่มมอเตอร์ไซด์รับจ้างได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการ เพื่อให้มีรายได้มากขึ้น พร้อมกันนี้ จะเร่งส่งเสริมการจ่ายเงินแบบอีเพย์เมนต์เพื่อลดปัญหาการจับเงินสดด้วย
นายจุรินทร์กล่าวว่า สำหรับห้างค้าส่งค้าปลีกหรือโมเดิร์นเทรด และร้านสะดวกซื้อ เช่น เซเว่นอีเลฟเว่น ได้ยืนยันว่าจะตรึงราคาสินค้าไว้ในราคาเดิม และจะไม่ทำผิดกฎหมาย เพราะรู้ว่าภาครัฐมีความจำเป็นต้องจัดการกับการกักตุนสินค้าหรือการขายเกินราคา หรือการค้ากำไรเกินควร
อย่างไรก็ตาม ทางโมเดิร์นเทรดแจ้งว่า เนื่องจากมีผู้บริโภคมีความต้องการซื้อหาเครื่องครัว เพื่อนำไปใช้ประกอบอาหารรับประทานเองที่บ้าน แต่ไม่สามารถนำมาจำหน่ายได้ รวมทั้งของใช้จำเป็นอื่นๆ ซึ่งได้มอบให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ไปหารือในศูนย์โควิดหรือหารือกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อเปิดทางให้กับซุปเปอร์มาร์เก็ตสามารถให้บริการสนองตอบความต้องการของประชาชนได้
ส่วนเรื่องการขอขยายเวลาการขนส่งสินค้าจากโรงงานต้นทางไปยังโกดังสินค้า รวมทั้งการกระจายสินค้าไปยังร้านค้าปลีกต่างๆ นั้น จะนำเรื่องนี้ไปหารือกับที่ศูนย์ประชุมโควิดต่อไป เพื่อขอให้สามารถทำได้ตลอดเวลาเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถซื้อหาสินค้าได้อย่างไม่ขาดตอน และเพื่อให้ร้านโมเดิร์นเทรดสามารถนำของมาเติมชั้นสินค้าได้ในเวลาอันรวดเร็ว เพราะก่อนหน้านี้ มีการกำหนดเวลาการส่งสินค้าเอาไว้ อีกทั้งมีการกำหนดให้สามารถทำได้ถึงวันที่ 24 เม.ย.เท่านั้น ซึ่งอาจจะต้องขอขยายระยะเวลา หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น
Leave a Reply