จวบชีพปลิด..โรยร่วง..หมดห้วงฝัน
เมื่อชีพอยู่..ต้องทายท้า..กล้าประจัญ
มุ่งฝ่าฟัน..พิสูจน์ค่า..ราคาคน กลับมาอีกครั้ง”นายดันทุรัง” นั่งประจำการแวดวงสีกากี เวทีนี้อีกครั้ง
นายดันทุรังคันปากอยากพูด
“นายดันทุรัง” นั่งประจำการแวดวงสีกากี เวทีนี้อีกครั้ง
นายดันทุรังคันปากอยากพูด
จ้องมองท่าทีของ พ.ต.อ.นคร ทองพานิช ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลบางนา ยืนตั้งท่าทำความเคารพรอรับอยู่หน้าโรงพัก วิพากษ์วิจารณ์ความเหมาะสมราวกับต้อนรับ “เจ้านายชั้นผู้ใหญ่” จุดอารมณ์เดือดภายในที่อยู่ใน “หัวใจคนสีกากี” บางกลุ่ม
คงไม่ต่างภาพลักษณ์องค์กรสีกากีที่มี “ด้านบวก” และ “ด้านลบ” แต่สังคมส่วนใหญ่มักลาก “ซากปลาเน่า” มาเผาภาพความดี
เหมือนบอกว่า ถ้าตีข่าวฉาววงการตำรวจจะได้อวดแนวร่วมจากชาวบ้านเข้ามาเป็นพวกอีกจม เพราะมีไม่น้อยรอ “สมน้ำหน้า” มากกว่า “ชื่นชม สรรเสริญ ยกย่อง และเห็นใจ”
อาทิ ดินแดนปากน้ำ เวลานี้ถึงกำลังกลายเป็น “ทุ่งกระสุนตก” ให้ พล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ต้องทำการบ้านหนักอีก
จากพฤติกรรมนอกแถวของ “ตำรวจคลองด่าน” ปั่นขบวนการ “ได้คืบเอาศอก” ตอกย้ำสะกิดแผล …
เมื่อปรากฏภาพเผยแพร่แชร์บรรยากาศงานเลี้ยงฉลองสุดเหวี่ยงของตำรวจ “โรงพักบางพลี” กระจายว่อนโลกโซเชียล น่าจะเป็นตัวอย่างให้หลายคน “เข็ดเขี้ยว” พวกชอบเที่ยว “ถ่ายคลิป” ที่นำมาสู่ “พิษ” ในภายหลัง …
พ.ต.อ.พีระศักดิ์ รอดบน ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ออกมาอ้างเป็น “ภาพเก่า” ก่อนมีประกาศพระราชกำหนดบริหารราชการฉุกเฉิน …บังเอิญชาวบ้านไม่สนใจฟัง
ทั้งหมดเกิดจากเครดิตที่ผุพังของคนในเครื่องแบบสีกากี ทำดีมากมาย ต้องมา “ตกม้าตาย” เพราะ “น้ำลายบนแป้นคีย์บอร์ด”
บางครั้งพิสูจน์ราคาชีวิตของ “หมา” ยังมีค่ามากกว่าตำรวจในวีรกรรมของ “เตี้ย” สุนัขพันธุ์ทางประจำมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้รับความสนใจ เอาใจใส่กว่าเรื่องราว ร.ต.อ.สวง ชุมภู รองสารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจภูธรดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ วิ่งไล่กวดคนร้ายเสพยาบ้าและพกพาปืนจนหัวใจวาย … ตายในระหว่างปฏิบัติหน้าที่
เช่นเดียวกับ “ชีวิตตะกวด” ยังได้อวดพื้นที่ ขี่บังคับ “ผู้เป็นนาย” กระวนกระวายสั่ง “ตำรวจผู้น้อย” เขียนรายงานชี้แจง … แสดงสิทธิ “สัตว์สงวน” ได้รับความคุ้มครอง ด้วยเพราะถูกสังคมจับตามอง ประลองเทียบค่าความเป็น “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” ประหลาดดีแท้
สู่ยุคใหม่ …วิกฤติเชื้อไวรัส “สายพันธุ์โควิด” อาจทำชีวิตมนุษย์หลายคนเปลี่ยนแปลง แต่สำหรับชีวิต “ตำรวจสายพันธุ์ใหม่” จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเองมากยิ่งขึ้น … หยุด ละ เลิก เมามัวหลงอำนาจข่มแหงรังแกประชาชน ระคนข่มขู่รีดไถ ไม่สนโลกที่กำลังจ้องจับผิด ขยับเขย่งขาก้าวพลาด มีโอกาสเป็นนักแสดงอยู่บน “เวทีไซเบอร์”
ตัวอย่างมีให้เห็นแทบรายวัน ถึงจะขยันทำงานหามรุ่งหามค่ำ สละเวลาความสุขของครอบครัวตัวเอง เพื่อไปดูแลครอบครัวคนอื่น เพียงข้ามคืนอาจตกเป็น “จำเลยสังคม” สังคมที่ชโลมโลกสวยงามในความคิดอิสระของบรรดาชาวเน็ต …
จำไว้ว่า เมื่อตำรวจโดนมองเป็นอาชีพที่มีต้นทุนทางสังคมต่ำ อย่าพยายาม “ทำตัวต่ำ” ต้องย้ำ “ภาพติดลบ” กลบลำบาก
คงเหมือนผีที่ใครบอกว่ามี แต่ไม่เคยเห็น
ขบวนการ เหลือบ ไร อาศัยเครื่องแบบข้าราชการตะกละตะกลามมูมมาม “รับเงินใต้โต๊ะ”จนเป็นนิสัยกลายเป็นความเคยชิน
หากินกับชาวบ้านตาสีตาสา พ่อค้าวาณิชไม่พอ ยังอาละวาดหากินกระทั่งข้าราชการด้วยกันเอง
มันคือ ต้นเหตุของความเสื่อม