โจรขโมยของตามห้องพักย่านซอยท่าข้าม ป้าผู้เสียหายแค้นขโมยไข่ไก่ นาฬิกาปลุก สน.ท่าข้าม

โจรขโมยของตามห้องพักย่านซอยท่าข้าม ป้าผู้เสียหายแค้นขโมยไข่ไก่ นาฬิกาปลุก สน.ท่าข้ามวันที่ 28 พ.ย.63 เวลา 16.00 น. พ.ต.ท.ภาวัต สุวรรธสุภัทร รอง ผู้กำกับ สืบสวน สน.ท่าข้าม พร้อมด้วย พ.ต.ท.เตือน สอดส่อง สว.สืบสวน สน.ท่าข้าม พ.ต.ท.อุเทน รวมสุข สว.สืบสวน สน.ท่าข้าม และกำลังเจ้าหน้าที่สืบสวน สน.ท่าข้าม ได้ลงพื้นที่ บริเวณซอยท่าข้าม 12 เนื่องจากชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ในละแวกซอยท่าข้ามหลายราย เข้าแจ้งความคดีลักทรัพย์ จึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในซอยท่าข้าม 12 จากนั้นพอถึงบ้านของผู้ต้องสงสัย ทำให้ผู้ต้องสงสัยเกิดอาการตกใจ จึงได้วิ่งหนีหลบและได้ปีนขึ้นบนหลังคาโรงซ้อมรถ มีความสูงประมาณ 2 เมตร ซึ่งเป็นหลังคาเมทัลชีท เสียงจะดังคล้ายเสียงปืน ประกอบกับได้ยินเสียง คนตะโกนว่า ‘มันหนีไปแล้ว’ เป็นเหตุทำให้ชาวบ้านที่อยู่ในละแวกดังกล่าว เกิดความเข้าใจผิด คิดว่าเป็นเสียงปืน จึงได้โทรแจ้ง 191หลังจากนั้นผู้ต้องสงสัยได้ตัดสินใจกระโดดออกมาจากนอกรั้ว เพื่อหลบหนี ทำให้ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณขาด้านซ้าย ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมได้อย่างทันทีจากการสอบถามเบื้องต้น ผู้ต้องสงสัยให้การว่ามีเพื่อนร่วมก่อเหตุอีก 1 คน ก่อนที่จะพาไปห้องพักของเพื่อน บริเวณปากซอยท่าข้าม 30 ซึ่งเป็นห้องเช่า 5 ชั้น โดยห้องผู้ต้องสงสัยอยู่บริเวณชั้น 5 ไม่ทราบเลขที่ของห้อง พอขึ้นไปตรวจสอบภายในห้องพบของกลางเป็นรถจักรยาน 3 คัน ซึ่งตอนแรกผู้ต้องสงสัยไม่ยอมเปิดห้องให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำบันไดปีนฝ้าขึ้นไป เพื่อนผู้ต้องสงสัยจึงรีบเปิดห้องพักทันทีและได้นำตัวผู้ต้องสงสัยอีกคน พร้อมรถจักรยานสามคันลงมา เพื่อนำตัวไปสอบสวนต่อที่ สน. ท่าข้ามระหว่างที่สอบสวนเพิ่มเติมอยู่นั่น ก็มีผู้เสียหายทะยอยมาดูหน้าผู้ต้องสงสัยกันอย่างต่อเนื่อง และ ได้รู้ที่อยู่ของ ของกลางที่ขโมยมา จึงไปนำมาไว้ที่ สน. เพื่อให้ผู้เสียหายมาดูว่าใช่ของตนเองที่ถูกขโมยมาหรือไม่ ซึ่งของกลาง มีหลากหลายชนิดมากมาย เช่น รถจักรยาน ชุดอุปกรณ์เครื่องมือข่าง รีโมท กระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า และอื่นๆ อีกมากมายจากการสอบถามจากเจ้าของห้องที่เพื่อนผู้ต้องสงสัยขึ้นไปพัก และพบรถจักรยาน 3 คัน ชื่อ นาง นิตยา สุขสังข์ อายุ 48 ปี เป็นเจ้าของห้องที่ รับฝากของไว้ เล่าว่า ” ตนเป็นเจ้าของห้อง และเคยเป็นแฟนกับคนที่มาฝากของไว้ ซึ่งเคยมาแจ้งความไว้ที่ สน.ว่า ตนกับนายไพรสน ได้เลิกรากันไป เพราะมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้ง ทำร้ายร่างกายกัน จึงเลิกกันและแยกกันอยู่ตั้งแต่ช่วงโควิด นานแล้ว เมื่อประมาณ 2 อาทิตย์ก่อน นายไพรสน เห็นว่าตนยังพักอยู่ที่เดิม จึงมาหาที่ห้อง และบอกว่า ฝากรถจักรยานไว้หน่อย เค้าซื้อมา ไม่มีที่เก็บ เลยขอฝากไว้หน่อย ฝากไว้แล้วเค้าก็ไป แต่ตนก็ถามกลับไปเรื่อยว่า เมื่อไหร่มาเอา ของใครกันแน่ แต่ก็ยังมีมาฝากเรื่อย จน 3 คัน พอมาวันนี้ ตนเห็นมีตำรวจมาที่พักของตน ซึ่งตนทำงานอยู่บริเวณนั้น จึงไปดู ปรากฎว่า เป็นเหตุที่ห้องตน ซึ่งรถจักรยานที่มาฝากไว้เป็นรถที่ขโมยเค้ามา ซึ่งตน เสียใจมาก ที่ทำไมต้องมาโกหกตน และทำให้ตนเดือดร้อนด้วย เพราะตนต้องรักษาตัว เกี่ยวกับโรคทางประสาท หมอนัดส่งตัววันที่ 2 ธ.ค. นี้ด้วย เลิกกันแล้ว ตนยังให้รถจักรยานยนต์ไปคันนึงนะ เพื่อให้ไปทำมาหากิน ประกอบอาชีพ ขับวิน หรือ ขนของไปขาย เมื่อก่อนเค้าขายของตลาดนัดอยู่ ไม่คิดว่าเค้าจะทำแบบนี้ ซึ่งเราเสียใจมาก”ส่วนทางผู้เสียหาย ที่เดินทางมาดูหน้าผู้สงสัย ชื่อ น.ส.ชื่น คุ้มคณะ อายุ 66 ปี เป็นผู้เสียหาย บ้านพักอยู่ท่าข้ามซอย 8 เล่าว่า “ช่วงวันลอยกระทง ตนออกไปตลาดขายของแถววงเวียนใหญ่ ตอนประมาณ ตี 3 ตนและหลานออกไปแล้ว ปู่ อายุ 81 ปีแล้วอยู่บ้านคนเดียว บ้านพักจะอยู่ด้านหลังร้านค้า พอกลับมา ถึงได้รู้ว่า ของถูกขโมยไป มีโทรทัศน์ 2 เครื่อง น้ำขวด น้ำหวาน ไข่ พริกขี้หนู เสื้อผ้า เศษตังไว้ทอนลูกค้า ก็เอาไป ทีนี้ปู่โทรศัพท์ไปบอก หมดแล้ว มันเอาของไปหมดแล้ว ไอ้เราก็ว่า อะไรหมด ปู่ก็บอก มันขโมยของไปหมดแล้ว พอเรามาหาดูกล้องก็เห็น มันเอาผ้าขาวผ้าห่อของขึ้นท้ายรถจักรยานออกไปแบบใจเย็นมาก แสดงว่ามันต้องมาดูราดราวไว้ก่อนเพราะรู้เวลาคนไม่อยู่บ้าน มีแค่คนแก่คนเดียว ปู่ก็ไม่รู้ว่ามันเข้าไปตอนไหน ออกไปตอนไหน ที่รู้ว่าจับตัวได้แล้ว เพราะตำรวจเข้าไปบอก เลยมาดูหน้า ว่าหน้าตาแบบไหนที่มันเอาของฉันไปเนี่ย ขโมยแม้กระทั่งนาฬิกาปลุกที่ปลุกฉันทุกวัน”นาย มนูญ จันทร์ฟ้า อายุ 40 ปี เป็นผู้ก่อเหตุ เล่าว่า “ตนไม่ได้ทำงาน ไม่มีเงิน เลยมาก่อเหตุ ลักทรัพย์บ้านคนอื่น เมื่อคืนตนเข้าไป จะหาขโมยของ แต่ไม่มีอะไรที่จะพอหยิบได้ ตนเลยไปหาของกินแทน ตนเคยถูกจับเข้าคุกมาแล้วหลายครั้ง เหตุเดียวกัน คือลักทรัพย์ ออกมา ตนก็มาขโมยของเค้าอีก เพราะตนไม่ได้ทำงานอะไรที่ไหน พอได้ของมาก็เอาไปขายต่อ บางอย่างก็ฝากเพื่อนไว้”จากการตรวจสอบประวัติผู้ก่อเหตุ นาย มนูญ จันทร์ฟ้า อายุ 40 ปี มีประวัติ ข้อหาลักทรัพย์ ยาเสพติด และเพิ่งพ้นโทษมาได้ 3 เดือน ก็ไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง แล้วหันมาตะเวนก่อเหตุลักทรัพย์ซ้ำอีก ทรัพย์สินบางอย่างก็ไปฝากเพื่อน บางอย่างก็นำไปขายเพื่อนำเงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันทาง พ.ต.ท.ภาวัต มอบให้ ร.ต.ท.ศิริชัย ชัยวุฒิ รองสว.(สอบสวน) สน.ท่าข้าม เจ้าของคดีดำเนินการตามกฏหมายต่อไป ส่วนผู้เสียหายท่านใดส่งสัยว่าทรัพย์สินของตนเองถูกขโมยมาให้มาตรวจสอบได้ที่ สน.ท่าข้าม

ทีมข่าวฝั่งธน

Leave a Reply

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com
Share via
Copy link