วันอังคารที่ 1 ธันวาคม 2563 นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมด้วยนายกมลธรรม วาสบุญมา รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายสิริน ชาวเพ็ชรดี ผู้อำนวยการสำนักสอบสวน 2 และคณะ ลงพื้นที่ร่วมประชุมหารือกับนายประเวศ ไทยประยูร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 11 (สุราษฎร์ธานี) องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ภาคใต้ และสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อเร่งรัดติดตามการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียน กรณีสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี และสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 11 (สุราษฎร์ธานี) ไม่ดำเนินการกันพื้นที่บริเวณสวนป่าไชยา ตำบลปากหมาก อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อให้ราษฎรอยู่อาศัยทำกิน จนทำให้ได้รับความเดือดร้อน

นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า เนื่องจากมีผู้ร้องเรียนว่าได้เข้าทำกินบริเวณสวนป่าไชยา หมู่ที่ 4 ตำบลปากหมาก อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นระยะเวลานานแล้ว แต่ไม่มีเอกสารสิทธิในที่ดิน ซึ่งบริเวณดังกล่าวถูกประกาศให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดินตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลปากหมาก ตำบลโมถ่าย ตำบลป่าเว ตำบลเวียง และตำบลเสม็ด อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. 2537 และก่อนที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 11 (สุราษฎร์ธานี) จะส่งมอบพื้นที่ดังกล่าวให้แก่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้แจ้งต่อสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานีว่า ให้กันพื้นที่บริเวณสวนป่าไชยา จำนวน 19,218 ไร่ เพื่อให้ราษฎรได้ทำกินและอยู่อาศัย แต่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานีไม่ได้ดำเนินการดังกล่าว ส่งผลให้ที่ดินที่ราษฎรถือครองไม่มีเอกสารสิทธิครอบครองยากต่อการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ในวันนี้จึงได้ประชุมรับทราบข้อเท็จจริง ปัญหา และอุปสรรค เพื่อจะเร่งบูรณาการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า จากการประชุมได้มีข้อเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ 1. ให้จังหวัดสุราษฎร์ธานี สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 11 (สุราษฎร์ธานี) องค์การอุตสาหกรรมภาคใต้ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม อำเภอไชยา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ปกครองท้องที่ ร่วมกับภาคประชาชน ตรวจสอบข้อมูลการสำรวจการครอบครองทำประโยชน์ของราษฎรบริเวณพื้นที่สวนป่าไชยาที่มีการร้องเรียนให้ได้ข้อสรุปร่วมกัน และรายงานให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทราบ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการแก้ไขปัญหาดังกล่าว 2. ในการแก้ไขปัญหาการอยู่อาศัยทำกินในพื้นที่ที่มีการร้องเรียน ซึ่งมีสถานะเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ มีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 กำหนดแนวทางและกรอบมาตรการแก้ไขปัญหาดังกล่าวไว้แล้ว โดยผู้ตรวจการแผ่นดินจะรวบรวมและสรุปสภาพปัญหาของผู้ร้องเรียนและราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อน ตลอดจนข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นของส่วนราชการในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี จากนั้นจะเชิญหน่วยงานของรัฐส่วนกลาง ประกอบด้วย สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ กรมป่าไม้ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง มาประชุมหารือร่วมกัน ณ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อให้ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อไป

นอกจากนี้ ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ผู้ตรวจการแผ่นดินยังมีการประชุมติดตามการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียนอีก 4 กรณี ได้แก่
1. ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างอาคารทดน้ำกั้นแม่น้ำพุมดวงของกรมชลประทาน บริเวณใกล้สถานีสูบน้ำโครงการพัฒนาลุ่มน้ำตาปี-พุมดวง) ซึ่งการสร้างไม่มีแบบแปลนที่ถูกต้อง จึงส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศส่งผลให้สิ่งแวดล้อมเกิดความเสียหาย ส่งผลกระทบต่อการทำประมงเลี้ยงปลากระชัง การทำน้ำประปา อีกทั้งกีดขวางการเดินเรือและทางน้ำธรรมชาติ
2. สำนักงานที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี สาขาเกาะสมุย ไม่สามารถดำเนินการออกโฉนดที่ดินตามคำขอออกโฉนดที่ดินให้กับผู้ร้องเรียน
3. ขอรับความเป็นธรรมจากกรณีผู้บริหารกลั่นแกล้งไม่ให้ความเป็นธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ส่งผลต่อการประเมินเลื่อนขั้นเงินเดือนด้วยความไม่โปร่งใส และไม่อนุมัติจัดซื้อจัดจ้างตามรายการที่มีความจำเป็นในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อดูแลประชาชน เช่น การซ่อมแซมวงจรปิดที่ได้รับความเสียหาย การจัดจ้างผู้ช่วยแพทย์แผนไทยให้เป็นไปตามมาตรฐานของการประเมินโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล การจ้างทำรถพ่วงข้างของรถจักยานยนต์ซึ่งใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ออกหน่วยบริการนอกสถานที่ เยี่ยมบ้านและควบคุมโรค
4. กรณีผู้บริหารไม่มีความโปร่งใสและไม่ปฏิบัติตามระเบียบและคำสั่งใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่ชอบบังคับขืนใจผู้ใต้บังคับบัญชาระงับและไม่เสนอสิทธิการลาพักผ่อนและออกนอกจังหวัดของข้าราชการในสังกัดให้ผู้มีอำนาจพิจารณาอนุมัติ แต่ให้ใช้ลากิจแทน ซึ่งเป็นการสูญเสียสิทธิการลาตามระเบียบว่าด้วยการลาของข้าราชการ และการไม่ปฏิบัติตามระเบียบหรือคำสั่งกระทรวงสาธารณสุขที่ 893/3559 เรื่อง มอบหมายให้ข้าราชการเป็นผู้บังคับบัญชาโดยมอบหมายให้บุคคลที่ไม่มีอำนาจหน้าที่ตามระเบียบฯ ดำเนินการบริหารงานแทน รวมถึงการใช้อำนาจโดยมิชอบบังคับให้บุคลากรในสังกัดและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านซื้อจำหน่ายบัตรคอนเสิร์ตการกุศลและขอบริจาคจากบุคคลภายนอก.