สามารถ เป็นตัวแทนชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการล็อคดาวน์ส่งเสียงวอนสถาบันการเงินช่วยพักชำระหนี้ตามมาตรการรัฐโดยใช้ฐานข้อมูลเดิม ไม่ต้องลงทะเบียนซ้ำซ้อน จะช่วยให้คนได้เข้าถึงมากกว่า 3 ล้านบัญชี ผ่อนชำระหนี้ได้มากกว่า 1.18 ล้านล้านบาท

สามารถ เป็นตัวแทนชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากการล็อคดาวน์ส่งเสียงวอนสถาบันการเงินช่วยพักชำระหนี้ตามมาตรการรัฐโดยใช้ฐานข้อมูลเดิม ไม่ต้องลงทะเบียนซ้ำซ้อน จะช่วยให้คนได้เข้าถึงมากกว่า 3 ล้านบัญชี ผ่อนชำระหนี้ได้มากกว่า 1.18 ล้านล้านบาท

นาย สามารถ เจนชัยจิตรวนิช ได้ โพสต์เฟสบุ๊คส่วนตัวว่า วันนี้ตนได้รับปัญหาจากพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด19ที่รัฐบาลได้สั่งให้มีการล็อคดาวน์ และ เคอร์ฟิว ทำให้ไม่สามารถดำเนินชีวิตได้แบบปกติวิสัย ธุรกิจถูกสั่งปิด ทำให้หนี้สินที่ต้องผ่อนชำระรายเดือนได้รับผลกระทบไปด้วย โดยรัฐบาลได้มีการประกาศเรื่องการเยียวยาเรื่องนี้แล้ว โดยทางธนาคารแห่งประเทศไทย ได้มีการออกเงื่อนไขมาตรการพักชำระหนี้ 2 เดือน โดยมีรายละเอียดดังนี้ คือ พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย เริ่มตั้งแต่งวดการชำระหนี้เดือนกรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป ในส่วนสำหรับลูกหนี้ SMEs และ ลูกหนี้รายย่อย (ทั้งที่เป็นนายจ้างและลูกจ้าง) เมื่อหมดระยะพักหนี้ สถาบันการเงินจะไม่เรียกเก็บเงินต้นและดอกเบี้ยที่ค้างอยู่ในทันที ทั้งนี้ เมื่อหมดระยะเวลาพักชำระหนี้แล้ว สถาบันการเงินจะไม่เรียกเก็บเงินต้นและดอกเบี้ยที่ค้างอยู่ในทันที เพื่อไม่ให้เป็นภาระหนักกับลูกหนี้เกินไป. ซึ่งดูแล้วเหมือนเป็นนโยบายที่ดี แต่ในทางความเป็นจริงคือพ่อแม่พี่น้องประชาชน เข้าถึงได้ยากเพราะต้องยื่นเอกสารกับสถาบันการเงิน ซึ่งเรื่องนี้ทางรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถทำได้เลย เพราะมีฐานข้อมูลลูกค้าอยู่แล้วว่า พ่อแม่พี่น้องประชาชนคนไหนอาศัยอยู่ในพื้นที่ล็อคดาวน์ ก็สามารถดำเนินการได้เลย เพราะตนเองได้รับคำร้องทุกข์จากชาวบ้านว่าจะยื่นเอกสารขอพักการชำระหนี้นั้นทำยาก บางคนเป็นผู้สูงอายุ บางคนไม่สะดวกในการยื่นแบบฟอร์ม เพราะต้องดิ้นรนปากกัดตีนทีบ ในยุควิกฤตโควิดระบาดที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงขึ้นเป็นประวัติศาสตร์รายวัน ดังนั้น ตนจึงอยากเป็นตัวแทนของพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบทุกคน ซึ่งตัวเลขผู้ได้รับผลกระทบ
ตนขออนุญาตนำข้อมูลตัวเลขจากกระทรวงการคลังที่ได้ระบุว่าหนี้ธุรกิจทั้งรายใหญ่และ SME ที่อยู่ในมาตรการพักหนี้-ปรับโครงสร้างหนี้มีจำนวนประมาณ 21,310 กิจการ มีวงเงินหนี้ 87,948 ล้านบาท โดยในขณะเดียวกันหนี้ครัวเรือนที่เข้าโครงการปรับโครงสร้างมีจำนวนถึง 3.21 ล้านบัญชีมีวงเงินหนี้ 1.18 ล้านล้านบาท ตัวเลขนี้เป็นหนี้สถาบันการเงินไม่รวมหนี้นอกระบบ ดังนั้นตนจึงคิดว่า ถ้าสถาบันการเงินทุกสถาบันร่วมมือกันหยิบฐานข้อมูลที่อยู่ในพื้นที่ล็อคดาวน์และเคอร์ฟิว มาพักการชำระหนี้ตามนโยบายของรัฐบาล และ ธนาคารแห่งประเทศไทย จะเป็นการช่วยเหลือพ่อแม่พี่น้องประชาชนทุกคนให้เข้าถึงมาตรการนี้อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม ช่วงวิกฤตเหตุการณ์โควิดระบาดรุนแรงแบบนี้ ทุกภาคส่วนต้องช่วยกันให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนอยู่รอดและสามารถดำรงชีวิตต่อไปได้ นาย สามารถกล่าว

Leave a Reply

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com
Share via
Copy link