สระบุรี ม้าเหล็กชนคนใบ้ หูหนวก ขาขาด อาการเป็นตายเท่ากัน

วันที่ 7 ต.ค.64. ศูนย์กู้ภัยสว่างสระบุรี ได้รับแจ้งจากพลเมืองดี ว่า มีรถไฟชนคน อยู่ติดกับสะพานดำ ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างจึงได้นำกำลังส่วนหนึ่งไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พบ รถไฟบรรทุกน้ำมันจอดอยู่บนเนินรางรถไฟ แต่ไม่สามารถขึ้นไปตรวจสอบได้ เพราะมีแท่งแบริเออร์และป้ายทำเป็นรั้วยาวตลอดแนว ของบริษัทที่มาทำรถไฟฟ้าความเร็วสูง ทางสะพานน้ำยังท่วมอยู่ หาทางขึ้นไม่ได้ จึงได้ทำการแกะป้ายออกให้เป็นช่องและข้ามไป เนื่องจากในบริเวณนั้นเป็นที่มืด และยังไม่รู้ว่าผู้บาดเจ็บอยู่ตรงไหน จึงได้ใช้ไฟฉายช่วยกันกระจายค้นหาผู้บาดเจ็บ จนพบร่างนอนหงาย อยู่ในลักษณะหัวชิดกับรางรถไฟ ส่วนขาข้างซ้ายข้อเท้าขาดหายไป ขาข้างขวาฉีกขาดเห็นถึงกระดูกด้านใน แต่ผู้บาดเจ็บยังไม่เสียชีวิต จึงได้ให้อ็อกซิเจนและปฐมพยาบาลเบื้องต้น และได้ประสานงานไปยังรถกู้ชีพ 1669 ของรพ.สระบุรี ให้รีบมารับผู้บาดเจ็บ พร้อมกับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสระบุรี ให้มาตรวจสอบในที่เกิดเหตุ จากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างจึงได้ช่วยกันค้นหาขาที่ขาดหายไป พบอยู่ที่กลางราง ใต้ท้องรถไฟ และรองเท้าแตะ 1 ข้าง ห่างจากผู้บาดเจ็บประมาณ 20 เมตร
เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างได้นำร่างผู้บาดเจ็บลงมาที่ถนน เพื่อรอรถกู้ชีพ1669ของรพ.สระบุรี ทางญาติยังไม่รู้เลยว่า นาย สายชล ได้ถูกรถไฟชน จนเดินมาดูตกใจเมื่อเห็นเป็น นาย สายชล ซึ่งเป็นญาติของตน ต่างพากันร้องห่มร้องไห้ ที่ นาย สายชล โดนรถไฟชนจนขาขาด อาการสาหัสเป็นตายเท่ากัน เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างจึงได้มอบผู้บาดเจ็บพร้อมขาที่ขาด ให้กับรถกู้ชีพ 1669 ของรพ.สระบุรี เพื่อนำตัวไปให้หมอรักษาเป็นการด่วน
เบื้องต้นทราบว่า รถไฟบรรทุกน้ำมัน ขบวน 535 วิ่งออกจากสถานีป็อกแป็ก ต.ป็อกแป็ก อ.เมือง จ.สระบุรี จะมุ่งหน้าไป จ.ขอนแก่น มาถึงที่เกิดเหตุ พบ ชายนั่งอยู่ข้างรางรถไฟ จึงได้เปิดสัญญาณเตือนและเปิดไฟ 4 ดวงแล้ว แต่ชายคนดังกล่าวก็ไม่ลุกไปไหน จนรถไฟพุ่งชนคนดังกล่าว ต่อมาทราบชื่อผู้บาดเจ็บ นาย สายชล เจริญผล อายุ 48 ปี เป็นคนใบ้หูหนวก มีอาชีพรับจ้างกลางเต็นท์ทั่วไป ขณะนั้นได้ดื่มสุรามาด้วย มีอาการมึนเมา น่าจะนั่งหลับ ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้บาดเจ็บไม่ได้ยินเสียงสัญญาณเตือนของรถไฟ จึงได้ถูกรถไฟชนดังกล่าว และเป็นคนอาศัยอยู่บริเวณชุมชนประปา อยู่ติดกับสะพานดำและรางรถไฟ เนื่องจากบ้านถูกน้ำท่วม ได้มาอาศัยนอนในเต็นท์ที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ให้ อยู่ที่ ถ.สะพานดำ-บ้านกล้วย ซึ่งห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 50 เมตร
จากการบอกเล่าของหลานสาวผู้บาดเจ็บ เล่าให้ฟังว่า ผู้บาดเจ็บได้ไปทำงานและนั่งกินเหล้าที่ร้านค้าฝั่งสะพานดำ ต.ตะกุด เขาไม่กล้าเดินข้ามสะพาน เพราะน้ำมันท่วม จึงได้อ้อมขึ้นไปเดินบนรางรถไฟ ขณะนั้นมีอาการมึนเมาด้วย เขาทำงานรับจ้างกางเต็นท์ทั่วไป และเป็นคนใบ้หูหนวก
ต่อมาด้าน นาย อนุพงษ์ วงษ์มหิง อายุ 25 ปี (ญาติ) เล่าว่า แกนั่งอยู่ตรงนี้ พอรถไฟมาได้บีบแตรเตือน แต่แกไม่ได้ยิน เพราะแกเป็นใบ้และหูหนวก ขณะนั้นมีอาการมึนเมาด้วย คนขับรถไฟ ได้บอกว่า เห็นแกนั่งอยู่ข้างราง คนขับได้บีบแตรแล้ว เปิดไฟ 4 ดวงแล้ว แต่เขาก็ไม่ลุกหนี
ส่วน นาง นิภาพร พันธ์ทะระเกียติ อายุ 40 ปี (พี่สะใภ้) เล่าว่า ผู้บาดเจ็บกับตนเดินมาบนรางรถไฟด้วยกัน ได้ทิ้งระยะห่างกัน ตนเองได้เดินข้ามฝั่งกลับมาก่อน ส่วนเขาตามมาทีหลัง เพราะเดินช้า บวกกับมีอาการเมาพอสมควร กินเหล้าเมาแบบนี้ทุกวัน ทุกทีแกจะเดินข้ามน้ำมา ตนไม่ได้ไปกินเหล้ากับเขา แต่เดินมาด้วยกัน เพราะเขาจะเดินกลับบ้านแบบนี้ทุกวัน

สมภพ พิมมะศร

Leave a Reply

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com
Share via
Copy link