ทลายเครือข่ายโรแมนสแกม

ทลายเครือข่ายโรแมนสแกม

ตามนโยบายของรัฐบาลให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดและส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีพฤติการณ์ใช้โทรศัพท์หลอกลวงประชาชนโดย แสดงตนเป็นบุคคลอื่นมีพฤติการณ์ใช้โทรศัพท์หลอกลวงประชาชนทั่วไปและมีผู้หลงเชื่อจนเป็นเหตุให้เกิดการสูญเสียทรัพย์สินไปเป็นจำนวนมาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้มีคำสั่งให้จัดตั้ง “ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.)” ขึ้น
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. , พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี ผบช.ทท. , พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท ,พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษณ์ ผบก.สปพ. , พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ. ,พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท.๑ บช.ทท. , พ.ต.อ.สำราญ นวลมา รอง ผบก.สปพ. , พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบก.ทท.๒, พ.ต.อ.สมบูรณ์ เทียนขาว ผกก.สายตรวจ มอบหมายให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ “ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ” ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ งานสายตรวจ ๑ กก.สายตรวจ (๑๙๑) จับกุมผู้ต้องหาในเครือข่ายโรแมนสแกม โดยคนร้ายกลุ่มนี้ร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายผ่านเฟซบุ๊กด้วยการสร้างเฟซบุ๊คปลอมขึ้นมาโดยใช้รูปโปรไฟล์คนหน้าตาดีหลอกคุยกับผู้เสียหายแล้วอ้างว่ามีสินค้าที่จะส่งมาที่ประเทศไทยแต่ติดขั้นตอนศุลกากรหรือติดที่บริษัทขนส่งให้ผู้เสียหายโอนเงินมาช่วยเหลือ หลังจากผู้เสียหายโอนเงินให้แล้วก็จะปิดเฟสบุ๊คหนีไป โดยมีผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงจำนวนมาก

ในการแถลงข่าวครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๑ เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้สืบสวนจนทราบว่ามีกลุ่มคนต่างชาติผิวดำและชาวไทยตระเวณกดเงินสดตามตู้เอทีเอ็มในพื้นที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี จึงได้เข้าตรวจสอบพบพบว่ากลุ่มคนที่ตระเวณกดเงินคือ MR.ROGERS KYEYUNE อายุ ๓๑ ปี สัญชาติยูกันดา , MR.EMMANUEL KASOMA อายุ ๓๗ ปี สัญชาติยูกันดา และ น.ส.วิไลวรรณ เพ็ชรทอง อายุ ๒๔ ปี จากการตรวจสอบหนังสือเดินทางของชายต่างชาติทั้งสอง พบว่า การอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้สิ้นสุดไปแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงได้จับกุมในข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” นอกจากนั้นยังได้ตรวจยึดสมุดบัญชีธนาคาร , บัตรเอทีเอ็ม , โทรศัพท์มือถือ และคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค จำนวนหลายรายการ และประสานข้อมูลมายัง ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) เพื่อตรวจสอบข้อมูลของบัญชีที่ตรวจยึดได้เนื่องจากเชื่อว่ากลุ่มชายต่างชาติผิวดำและหญิงไทยดังกล่าวนี้คือกลุ่มผู้กระทำความผิดร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายผ่านเฟซบุ๊กและหลอกลวงให้โอนเงิน (แก๊งโรแมนสแกม)
เจ้าหน้าที่ตำรวจ “ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ” ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ งานสายตรวจ ๑ กก.สายตรวจ (๑๙๑) จึงได้ตรวจสอบข้อมูลบัญชีที่ตรวจยึดได้พบว่าเป็นบัญชีที่รับโอนเงินจากผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงจำนวนหลายราย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า ๘ แสนบาท เบื้องต้นตรวจสอบพบผู้เสียหายแล้ว จำนวน ๔ ราย ซึ่งถูกหลอกลวงอยู่ในพื้นที่ สน.ตลาดพลู , สน.ประชาชื่น , สภ.เมืองบุรีรัมย์ และ สภ.เมืองตรัง มูลค่าความเสียหายรวม ๓ แสนบาท จึงได้แนะนำให้ผู้เสียหายไปแจ้งความร้องทุกข์ และรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติต่อศาลออกหมายจับกลุ่มผู้กระทำความผิด

ต่อมาวันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาซึ่งทำหน้าที่คนกดเงิน ตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ ๔๖๒-๔๖๔ ลงวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ได้จำนวน ๓ ราย ประกอบด้วย MR.ROGERS KYEYUNE อายุ ๓๑ ปี สัญชาติยูกันดา หนังสือเดินทางเลขที่ B๑๕๔๐๙๓๐ , MR.EMMANUEL KASOMA อายุ ๓๗ ปี สัญชาติยูกันดา หนังสือเดินทางเลขที่ B๑๕๒๕๗๒๓ และ น.ส.วิไลวรรณ เพ็ชรทอง อายุ ๒๔ ปี โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น” นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ “ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.)” ได้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ธนาคาร และเจ้าหน้าที่ ปปง. เพื่อดำเนินการคืนทรัพย์สินให้แก่ผู้เสียหาย และจะดำเนินการขยายผลจับกุมเครือข่ายโรแมนสแกมให้หมดไปจากประเทศไทยต่อไป นอกจากนี้หากมีผู้เสียหายหรือถูกหลอกลวง จากกลุ่มคนร้ายที่มีพฤติการณ์ในลักษณะดังกล่าวข้างต้นสามารถแจ้งเหตุหรือแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วนตำรวจท่องเที่ยว ๑๑๕๕ หรือ สายด่วน ปปง. ๑๗๑๐

Leave a Reply

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com
Share via
Copy link