ถือปืนเข้าร้านทองเอ่ยปากขอทอง 1 เส้นจะเอาไปให้เมีย ยกมือไหว้ขอบคุณก่อนเดินหนีไปอย่างใจเย็น ย่านบางแค

ถือปืนเข้าร้านทองเอ่ยปากขอทอง 1 เส้นจะเอาไปให้เมีย ยกมือไหว้ขอบคุณก่อนเดินหนีไปอย่างใจเย็น ย่านบางแค

เมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ 19 พ.ย.64
พ.ต.อ.ปิยรัช ศุภารัตน์ ผกก.สายตรวจ191 พร้อมกำลัง ตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 รับแจ้งเหตุมีคนร้ายใช้อาวุธปืนชิงทรัพย์ร้านทองอุดมพรรณ 5 ติดกับตลาดวันเดอร์ ถ.เพชรเกษม แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กรุงเทพ ได้สร้อยคอทองคำหนัก 1 เส้น ก่อนจะหลบหนีไป

หลังรับแจ้งทราบว่ารูปพรรณคนร้าย สวมเสื้อคลุมสีเขียว นุ่งกางเกงยีนส์สามส่วนสีฟ้า  มีรอยขาด สวมหมวกผ้าหลบหนีมุ่งหน้า ถ.เพชรเกษมขาเข้า จึงรีบดำเนินการติดตาม

กระทั่งเวลา 09.45 น. ตำรวจ 191 จับกุมนายสหวัสส์ กุศลกิจเจริญ อายุ 33 ปี คนร้ายที่ก่อเหตุได้ที่หน้าบ้านเลขที่ 472 แขวงบางด้วน เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นบ้านของคนร้าย จากการตรวจค้นพบ สร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท ราคา 28,800 บาท ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าเสื้อคลุม และพบอาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 ม.ม. พร้อมกระสุนปืน จำนวน 53 นัด ก่อนจะคุมตัวมาสอบปากคำที่ สน.เพชรเกษม

ต่อมาเวลา 10.30 น. พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.พงศ์อนันต์ คล้ายคลึง ผบก.น.9 พ.ต.อ.วิสิษฐ์ วัฒนพงษ์พิทักษ์ ผกก.สน.เพชรเกษม เข้าสอบปากคำผู้ต้องหาที่ห้องประชุมชั้น 2 ของสถานีตำรวจ

พล.ต.ต.โชคชัย เปิดเผยว่า จากการสอบสวน ผู้ต้องหาอ้างว่า ก่อนหน้านี้เคยประกอบอาชีพเข็นรถขายลูกชิ้น และอ้างว่าก่อเหตุเนื่องจากต้องการนำเงินไปใช้จ่ายในครอบครัว ซึ่งตำรวจต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้ยึดของกลางไว้ทั้งหมด รวมถึงมีกัญชาจำนวนหนึ่ง ซึ่งผู้ต้องหารับว่า ได้เสพกัญชามาก่อนจะก่อเหตุ

พล.ต.ต.โชคชัย เผยอีกว่า การจับกุมในครั้งนี้เป็นผลมาจากความมีสติของผู้เสียหายที่สามารถจดจำรูปพรรณ และท่าทางของคนร้ายได้ ก่อนจะรีบแจ้งตำรวจ และเมื่อได้รับแจ้งก็รีบตรวจสอบเส้นทางคนร้ายทันที ซึ่งคนร้ายได้ทิ้งรถไว้ที่หน้าร้าน ก่อนจะเดินข้ามสะพานลอยไปฝั่งตรงข้าม และใช้เส้นทางถนนเลียบคลองราชมนตรีหลบหนีเข้าชุมชนที่ตัวเองพักอาศัย ซึ่งใกล้เคียงกับละแวกที่เกิดเหตุ จึงได้นำกำลังเข้าจับกุมได้ในที่สุด ซึ่งใช้เวลาเพียง 5 นาทีเท่านั้น และจากการตรวจสอบพบว่าอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นปืนมีทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งของบิดาคนร้ายที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่คนร้ายนำมาใช้ในการชิงทรัพย์

รอง ผบ.ช.น.กล่าวว่า อยากฝากถึงผู้ประกอบการ ร้านค้า ที่สุ่มเสี่ยงต่อการถูกก่อเหตุอาชญากรรม ขอให้มีสติจดจำคนร้ายให้ได้มากที่สุด และโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อได้เร่งติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการสอบถามนาง วัชรี เกิดโภคา อายุ 53 ปี แม่ค้าขายของหน้าร้านทอง บอกว่า ตนสังเกตุเห็นคนร้ายตั้ง ต่เลี้ยวรถมอไซค์เข้ามาจอดแล้ว ตนมองอยู่ตลอด พอจอดรถเสร็จกุญแจก็คาอยู่ แล้วเดินเข้าร้านทองไป ตนก็ยังมองตามไปอยู่ จากนั้นตนเห็นคนร้ายชักปืนขึ้นมา แล้วพูดกับคนขาย แต่ไม่มีการทำร้ายกัน พอตนเห็นว่ามีปืนตนก็ไม่กล้าถ่ายรูป กลัวคนร้ายหันมาเจอ แต่คนร้ายก็มองๆตนอยู่เหมือนกัน พอคนร้ายเดินออกไปโดยไม่ได้ขี่รถมอไซค์ไปด้วย ตนจึงเดินไปบอกกับร้านขายล๊อตเตอรี่เพราะเค้ารู้จักกับตำรวจ เลยบอกให้เค้าแจ้งตำรวจให้ แล้วเค้าไปถามน้องคนขายในร้านว่า เกิดไรขึ้น น้องคนขายก็บอกว่า คนร้ายเดินเข้ามา ชักปืนมาวางและบอกแบบสุภาพ ไม่มีการทำร้ายข่มขู่หรือ พูดไม่ดีแต่อย่างใด มาถึงพูดว่า ผมไม่อยากเป็นเรื่องใหญ่โต ผมอยากได้ทอง 1 เส้น เส้นไหนก็ได้แล้วแต่พี่จะกรุณา พอคนขายหยิบให้ไปเส้นนึง  คนร้ายก็ยกมือไหว้แล้วเดินออกไปเลย ข้ามถนนไปอีกฝั่งนึงเพื่อเข้าไปในซอย ส่วนตำรวจมาถึงหลังเกิดเหตุประมาณไม่ถึง ครึ่งชั่วโมง

และทางนายวิศวะชิด สถาพรเสริมสุข อายุ 25 ปี เจ้าของร้านบอกว่า ตนกับน้องอีกคนยืนอยู่หน้าเคาเตอร์ขายตามปกติ ช่วงนั้นประมาณ 9 โมงกว่า ไม่ใช่ลูกค้าคนแรก ตนเปิดร้าน 8 โมง ตอนที่เดินเข้ามา เค้าตรงมาที่น้องผู้หญิง ตอนนั้นเค้าถือปืนไว้ข้างหลัง ตนก็เลยเดินเข้ามายืนกับน้อง แล้วถามว่า มีไรกัน เค้าก็บอกว่า ขอทองเส้นนึง ตนก็มองปืนอยู่ตลอด ตนก็ถามว่า เอาเส้นไหนล่ะ เค้าก็บอก พี่เลือกให้ผมเลย ผมรีบจะเอาไปให้เมีย ตนก็เลือกเส้นหนัก 1 บาท แต่ดูโปร่งหน่อย ให้ไป พอเค้าหยิบไปเสร็จเค้าก็บอกขอบคุณครับ เอาทองสวมหัวแล้วเดินออกไปเลย รถมอไซค์ก็จอดทิ้งไว้หน้าร้าน จากนั้นตนก็แจ้งตำรวจ ตำรวจก็มาไวอยู่นะ แล้วก็ตามจับได้ไว เค้าไม่มีทีท่าว่าจะทำร้ายเลย เค้าก็บอกว่า ผมไม่อยากทำร้ายใคร

ส่วนน.ส.นุชนาถ สุภสิทธิ์โสภาคย์ อายุ 25 ปี เป็นพนักงานขายหน้าร้าน บอกว่า คนร้ายได้เดินเข้ามา มาบอกว่า ขอทองเส้นนึง แล้วถือปืนอยู่ ตนตกใจ ใจสั่นมาก จนเจ้าของร้านเห็นเลยเดินมาหา ถามว่ามีไรกัน แล้วเค้าก็พูดขอทองกับเจ้าของร้านแทน เจ้าของร้านก็หยิบให้ไปเส้นนึงเค้าก็ขอบคุณแล้วเดินออกไปจากร้านเลย

และทางนาย สหวัสส์ กุศลกิจ อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นคนร้ายบอกเพียงสั้นๆว่า ที่ตนทำไปเพราะตนไม่มีเงินติดตัวเลย ไม่อยากให้ลูกเมียลำบาก ไม่ได้ติดหนี้อะไร

เบื้องต้น ตำรวจแจ้งข้อหา ชิงทรัพย์ ,มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ,พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือ ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ก่อนคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทีมข่าวฝั่งธนฯ รายงาน

Leave a Reply

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com
Share via
Copy link