นางมาศวัลย์ ปิ่นสุวรรณ ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน กทม. กล่าวกรณีการเข้าตรวจค้นสถานบันเทิงย่านรองเมือง ซอย 5 เขตปทุมวัน ฝ่าฝืนกฎหมายโดยเปิดสถานบริการภายในระยะเวลา 5 ปี


นางมาศวัลย์ ปิ่นสุวรรณ ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน กทม. กล่าวกรณีการเข้าตรวจค้นสถานบันเทิงย่านรองเมือง ซอย 5 เขตปทุมวัน ฝ่าฝืนกฎหมายโดยเปิดสถานบริการภายในระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่มีคำสั่งปิด รวมทั้งสถานที่ตั้งอยู่ติดกับอาคารเรียนและยังเปิดให้บริการเกินเวลาที่กฎหมายกำหนดว่า สำนักงานเขตปทุมวัน ได้รับแจ้งเรื่องร้องเรียนเสียงดังจากการประกอบกิจการของสถานที่ดังกล่าวรบกวนผู้พักอาศัยในบริเวณใกล้เคียง จึงได้จัดเจ้าหน้าที่ฝ่ายสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาล เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทศกิจ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจนครบาล (สน.) ปทุมวัน ตรวจสอบสถานประกอบการดังกล่าว พบว่าเดิมใช้ชื่อ สไปซี่ ผับ ตั้งอยู่ถนนซอยรองเมือง 1 เขตปทุมวัน ซึ่งอาคารดังกล่าวก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต สำนักงานเขตฯ จึงออกคำสั่งให้ระงับการก่อสร้างและมิให้บุคคลใดใช้ หรือเข้าไปส่วนใด ๆ ของอาคาร รวมถึงมีคำสั่งให้แก้ไข และยื่นขอรับใบอนุญาตก่อสร้างเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.60 ต่อมาในวันที่ 25 ธ.ค.62 ได้ออกคำสั่งให้รื้อถอนอาคาร รวมถึงมีคำสั่งให้ปิดกิจการ และไม่ให้เปิดสถานประกอบการในที่ดังกล่าวอีก เนื่องจากตรวจพบการกระทำความผิดตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรื่อง มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทางและการควบคุมสถานบริการ หรือสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการ อีกทั้งสถานที่ดังกล่าวยังตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงสถานศึกษา

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.65 พบว่ามีการเปิดให้บริการสถานที่เต้นรำ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น จึงได้ดำเนินคดีกับผู้รับเป็นผู้ดำเนินกิจการในปัจจุบัน ในฐานความผิดฝ่าฝืนคำสั่งเปิดสถานบริการในระหว่างที่มีคำสั่งปิดภายใน 5 ปี และยังพบผู้ใช้บริการอายุต่ำกว่า 20 ปี จำนวน 5 คน ตรวจปัสสาวะเป็นสีม่วง 17 ราย และเปรียบเทียบปรับไม่พกบัตรประจำตัวประชาชนอีก 26 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างการส่งดำเนินคดีโดยประสาน สน.ปทุมวัน และเนื่องจากพฤติการณ์ดังกล่าว เป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามตามคำสั่ง คสช. สำนักงานเขตฯ จึงแจ้งความต่อเจ้าพนักงานสอบสวน เพื่อขอให้ศาลออกคำสั่งบังคับให้ผู้ฝ่าฝืนคำสั่งปฏิบัติตามคำสั่งต่อไป

ทั้งนี้ สำนักงานเขตฯ มีแผนออกตรวจสถานประกอบการ ตามคำสั่ง คสช. เพื่อกำกับดูแลสถานประกอบการประเภทสถานบริการ หรือสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายกับสถานบริการเป็นประจำ โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สถานีตำรวจในพื้นที่เขตปทุมวัน หน่วยงานทหารที่รับผิดชอบในพื้นที่เขตปทุมวัน สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่กรุงเทพมหานคร 2 และสถานีดับเพลิงในพื้นที่เขตปทุมวัน ร่วมตรวจสอบ เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ กรณีพบการฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ มาตรการที่ทางราชการกำหนด และด้วยในปัจจุบันยังคงอยู่ในช่วงที่ต้องมีการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดต่ออันตราย สำนักงานเขตฯ จึงจัดเจ้าหน้าที่ฝ่ายสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาล และฝ่ายเทศกิจ ลงพื้นที่ตรวจสอบ แนะนำสถานประกอบการ กลุ่มสถานบริการ สถานบันเทิงเป็นประจำ เพื่อกำกับดูแลให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ตามที่ทางราชการกำหนด โดยการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามแนวทางการปฏิบัติของ กทม. และได้รายงานผลการดำเนินการให้สำนักเทศกิจ กทม.รวบรวมเสนอผู้บริหาร กทม.เป็นประจำอีกด้วย



นายศุภกฤต บุญขันธ์ ผู้อำนวยการสำนักเทศกิจ กทม. กล่าวว่า กรุงเทพมหานคร โดยสำนักเทศกิจ ได้จัดชุดตรวจบูรณาการ ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ของกรุงเทพมหานคร ได้แก่ เจ้าหน้าที่เทศกิจ เจ้าหน้าที่สิ่งแวดล้อม และเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชน บูรณาการความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสถานประกอบการอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง โดยสถานประกอบการ ต้องประเมินตนเองผ่านแพลตฟอร์ม Thai Stop COVID 2 Plus และยื่นขออนุญาตกับสำนักงานเขตพื้นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งต้องปฏิบัติตามมาตรการ Covid Free Setting กำกับ ตรวจสอบ ห้ามเปิดให้บริการ จำหน่าย บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินเวลา 24.00 น. อย่างเคร่งครัด ตลอดจนงดกิจกรรมที่ทำให้เกิดความแออัด และผู้ประกอบการ หรือผู้ให้บริการ และพนักงานต้องได้รับวัคซีนตามเกณฑ์และเข็มกระตุ้น ตรวจหาเชื้อโควิด 19 ทุกสัปดาห์ รวมทั้งกำชับผู้ให้บริการและผู้เข้ารับบริการปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด หากสถานประกอบการใดประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด สำนักงานเขตจะดำเนินคดีตามกฎหมาย

Leave a Reply

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com
Share via
Copy link