วันที่ 18 กันยายน 2565 เป็นวันครบรอบ 12 ปี ที่น้องจีจี้ หรือเด็กหญิงจีรภัทร ทองชุม อายุ 9 ขวบ หายตัวไปอย่างลึกลับ ขณะที่ช่วยแม่ขายพวงมาลัยในปั๊มน้ำมันที่ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เมื่อปี 2553
จากเหตุการณ์เด็กหญิงขายพวงมาลัย ที่บริเวณปั้มน้ำมัน ในย่าน อ.แก่งคอย จ.สระบุรี หายตัวไปอย่างลึกลับภาพสุดท้ายที่เราได้เห็นน้องจีจี้ เป็นภาพจากกล้องวงจรปิด หน้าร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมันที่เกิดเหตุ ทำให้เห็นน้องจีจี้ที่กำลังขายพวงมาลัยโดยเดินผ่านหน้าร้านสะดวกซื้อไปทางถนนหน้าปั๊ม ก่อนที่หลังจากนั้นไม่มีใครได้พบเห็นน้องจีจี้อีกเลยแม้จะทำการตรวจสอบทั่วบริเวณที่คาดว่าน้องจีจี้จะไป พบเพียงรองเท้าที่น้องจีจี้สวมใส่ ตกอยู่ข้างหนึ่ง โดยไม่พบเศษพวงมาลัย หรือวัตถุพยานอื่นตกอยู่ หลังน้องจีจี้หายตัวไป ครอบครัวพยายามค้นหาบริเวณโดยรอบ เมื่อไม่พบตัว จึงรีบไปแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรแก่งคอย ซึ่งน้องจีจี้เพิ่งหายไปเพียง 30 นาทีเท่านั้น แต่ตำรวจที่ทำหน้าที่ขณะนั้นไม่รับแจ้งความโดยอ้างว่า ยังหายตัวไม่ครบ 24 ชม.
ต่อมาหลังเป็นข่าวดัง ตำรวจมุ่งประเด็นไปที่มีคนพาน้องจีจี้ไป โดยมีบุคคลเป้าหมาย 2 กลุ่ม คือ บุคคลที่เด็กอาจรู้จักมาก่อน หรือเป็นคนที่มาใช้บริการปั๊มน้ำมัน หรือจอดรถอยู่หน้าปั๊มน้ำมันในช่วงเกิดเหตุ
ครอบครัวน้องจีจี้ ได้ยื่นหนังสือกับผู้ช่วยผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ช่วยติดตามปัญหาเด็กหาย และขอให้ตำรวจออกคำสั่งรับแจ้งความเด็กหายทันทีไม่ต้องรอหายครบ 24 ชม.
การเคลื่อนไหวติดตามคดีน้องจีจี้ของครอบครัว ต่อมาทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกหนังสือเวียนหลายครั้งให้ตำรวจรับแจ้งความคนหายทันทีโดยไม่ต้องรอครบ 24 ชม. ตลอดเวลาแม่น้องจีจี้ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ชีวิตเช่นไร เธอพยายามติดตามหาลูกอยู่เสมอในทุกช่องทางที่พอจะทำได้
ด้าน พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ บูรณะ ผกก.ฝวท.2 ผู้ได้รับการยกย่องให้เป็นเบอร์หนึ่งในการสเก็ตซ์ภาพคนร้ายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เปิดเผยถึงคดีด.ญ.จีรภัทร ทองชุม หรือน้อง จีจี้ ซึ่งตนเองเป็นผู้สเก็ตซ์ภาพน้องจีจี้ตอนหายตัวไป และ นอกจากนี้ในปัจจุบัน พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ ยังได้สเก็ตซ์ภาพ น้องจีจี้ ที่หายตัวไป เมื่อปี 2553 ให้ตรงกับปัจจุบันที่เป็นหญิงสาววัยราว 20-21 ปี เพื่อเผยแพร่สำหรับใครที่พบเจอคนลักษณะคล้ายบุคคลในรูปวาด
นักเสก็ตช์ภาพมือหนึ่งของประเทศ พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ บูรณะ เคยนำภาพน้องจีจี้ ไปร่วมในนิทรรศการและการเสวนาเรื่องศิลปะในกระบวนการยุติธรรม ถึงคนในสังคม ที่ตัวเองได้จัดขึ้นและอีกหลายงาน เพื่อเผยแพร่การสเก็ตซ์ภาพแบบ Age Progression พร้อมนำภาพเหล่าเด็กที่หายไปในอดีตทำการสเก็ตภาพโครงหน้าให้ใกล้เคียงกับปัจจุบันมากที่สุดเพื่อง่ายต่อผู้พบเจอ
พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ บูรณะ ผกก.ฝวท.2 กล่าวว่า การทำภาพเด็กหายให้มีอายุเท่าปัจจุบันเรียกว่ากระบวนการ Age Progression เรียกว่าเป็นความหวังสุดท้าย หลังจากที่เด็กหายไปเป็นเวลานานหลายปี จึงเลือกใช้กระบวนการนี้ เพราะเมื่อเวลาผ่านไปหน้าตาของเด็กที่หายก็จะเปลี่ยนไปตามกาลเวลา และเพื่อให้ง่ายต่อการสังเกตของเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการติดตามหรือประชาชนที่พบเห็น หรือแม้กระทั่งพ่อแม่ ญาติพี่น้องเอง ซึ่งอาจจะจะตัวเด็กผู้หายตัวไปไม่ได้ด้วยซ้ำ สิ่งของบางอย่างที่หายไป มีค่ามีราคาแพงเราก็ใจสลายแล้ว แต่นี่ลูกเรา พี่เรา น้องเรา ญาติของเราหายไป มันไม่ใช่แค่ใจสลาย แต่มันแทบจะทำใจไม่ได้เลย ถึงแม้เวลาจะผ่านไปนานเพียงใดก็ตาม
ตนเองได้ใช้ศิลปะเป็นตัวเชื่อมในสังคมหันมาให้ความสนใจ และอยากให้ตำรวจเร่งติดตามสืบสวนหาตัวเด็กหายแต่เนิ่นๆ จะทำให้หาตัวได้รวดเร็วขึ้น ภาพสเก็ตซ์เด็กที่เขียนให้เป็นเค้าโครงในปัจจุบันมากที่สุดนั้น เป็นช่องทางสุดท้ายของการติดตามหาตัวแล้ว เพราะเด็กหายมานานหลายปียังตามตัวไม่เจอ ปัจจุบันหน้าตาอาจจะเปลี่ยนแปลงไปจนต้องใช้ศิลปะเข้ามาช่วย อยากให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการติดตามตัวได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วย”
นอกจากนี้นายตำรวจหัวใจศิลปิน มือสเก็ตซ์ภาพคนร้ายและบุคคลสูญหายเบอร์หนึ่ง ได้ประพันธ์เพลง ชื่อ “เธอหายไป ขอได้พบเธอ” ซึ่งแต่งขึ้นจากแรงบันดาลใจในการทำภาพสเก็ตช์เด็กหายให้มีอายุเทียบเท่าปัจจุบัน ต่อเนื่องเป็นเวลา 10กว่าปี (Age Progression) และเป็นการกระตุ้นให้สังคมหันมาให้ความสนใจกับปัญหาเด็กหายในปัจจุบัน
โดยเนื้อหาในเพลงถูกเรียงร้อยด้วยคำคล้องจองในภาษาอันสุดวิจิตร “เย็นวันนั้นเธอหายไป รู้ไหมฉันตามหาเธอ ด้วยคิดถึงอยู่เสมอ เฝ้ารอเธอเดินกลับมา จากวันนั้นถึงวันนี้ ขอให้มีปาฏิหารย์แม้ต้องเดินสุดขอบฟ้า ฉันจะเดินให้ถึง แม้เหงื่อนั้นไหลโรยริน กายไม่สิ้น ขอได้พบเธอ”
เพลง เธอหายไป ขอได้พบเธอ คำร้อง/ทำนอง:พ.ต.อ.ชัยวัฒน์ บูรณะ ถูกเปิดขึ้นอีกครั้งเพื่อรำลึกการหายตัวไปของน้องจีจี้ครบ 12 ปี น้องจีจี้ และ เป็นแรงใจในการติดตามน้องจีจี้
Leave a Reply