แม่พร้อมทนายเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับครูคณิตศาสตร์ที่ตบหัวลูกชาย

แม่พร้อมทนายเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับครูคณิตศาสตร์ที่ตบหัวลูกชาย
จากกรณีที่ นักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่ง ภายในอำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ได้แอบถ่าย ครูคณิตศาสตร์ ที่ทำโทษนักเรียน ซึ่งจากคลิปที่ผู้ปกครองรายหนึ่งส่งมาให้นั้น พบว่าเป็นการที่ครูสาวรายนี้ใช้ฝ่ามือตบศีรษะนักเรียนชายอย่างแรง ส่วนคลิปภายในห้องเรียนเช่นกันพบว่าครูท่านนี้ใช้ไม้เรียวค่อนข้างใหญ่ฟาดตีจนเกิดเสียงดัง ซึ่งในคลิปไม่ชัดว่าเสียงไม้เรียวที่ได้ยินนั้นฟาดถูกฝ่ามือเด็กหรือไม่ หรือ ฟาดลงไปที่โต๊ะเรียน พร้อม ระบุข้อความว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียนระดับชั้นประถม ซึ่งเด็กนักเรียนจะถูกคนสาวคนนี้ตีบ่อยมาก และ ใช้อารมณ์รุนแรงกับเด็ก ๆ จนทำให้เด็กหลายคนหวาดกลัวไม่อยากเดินทางไปเรียน
ล่าสุดเวลา 17.30 น. วันที่ 19 มกราคม 2566 นางเพ็ญศรี คำงาม อายุ 39 ปี และ เด็กชายเอ ( นามสมมุติ ) อายุ 11 ปี พร้อม ผศ.ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ เดินทางมาที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ เพื่อเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน เพื่อให้ดำเนินคดีกับครูสาวที่ได้ตบศีรษะของลูกชาย โดยที่พนักงานสอบสวนได้ลงบันทึกประจำวัน พร้อม ส่งตัวเด็กชายไปตรวจเช็คร่างกายที่โรงพยาบาล และนัดทีมสหวิชาชีพสอบปากคำเด็กชายเอ ต่อไป
เด็กชายเอ ( นามสมมุติ ) เล่าว่า ในวันนั้นครูเขาให้ทุกคนเอาหนังสือขึ้นมา ผมคิดว่าครูเขารีบ แล้วตนเลยยืมสมุดเพื่อนมา เพื่อจะเอาไม้บรรทัดวงกลม มาใช้ในการเรียน แล้วจากนั้น ครูก็ถามว่าหนังสือใคร มันเป็นหนังสือของเพื่อนผม เพราะว่าผมยืมมา เพื่อนตนก็บอกว่าของเพื่อนผม จากนั้นครูเขาก็ตบเลยเพราะว่าผมคิดว่าครูเขาเข้าใจผิดว่าผมลืมเอาหนังสือมา ผมคิดว่าอย่างนั้น แต่หนังสือผมอยู่ใต้โต๊ะ เพราะผมคิดว่าครูเขารีบผมเลยต้องยืมของเพื่อนมาทำก่อน ครูเขาคิดว่าผมลืมหนังสือเลยยืมของเพื่อนมาทำ เขาเลยตบหัวผมเลย ผมก็เจ็บ ถ้าผมไม่เอามือมากันอาจจะหลับเลย ครูคนนี้เคยตบตนแค่ครั้งเดียวแต่ว่าถูกตีมือด้วยไม้ประจำ ตีแรงอยู่ ปกติในเวลาเรียนวันไหนเขาอารมณ์ดีก็สอนดี วันไหนเขาอารมณ์เสียเขาก็มีทำโทษ ในวันนั้นมีคนในห้องไม่โดนตีอยู่ประมาณ 3-4 คน ที่เหลือโดนตีหมด ส่วนใหญ่คนที่โดนตีจะเป็นคนที่ไม่ค่อยทำงาน แต่ว่าผมทำใกล้เสร็จแล้ว แต่ผมคิดว่าวันนี้ไม่มีเรียนคณิต ผมเลยลืมทำการบ้านมา ซึ่งเป็นวิชาที่ครูคนนี้สอน เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 09.00 น. วันที่ 18 มกราคม 2566 ก็คือเมื่อวานเอง
ด้าน นางเพ็ญศรี คำงาม อายุ 39 ปี เล่าว่า ที่ตนทราบเรื่องเพราะเพื่อนในไลน์กลุ่มโรงเรียน ป.5 แชทมาหาตน ให้ตนติดต่อกลับ ตอนแรกตนก็มั่วแต่ยุ่งอยู่กับงานไม่ได้ดูว่าเป็นชื่อลูกตน เรื่องมันเกิดตอน 9 โมง ตนกว่าจะดูก็เกือบบ่าย 2 ตนก็แชทหาคนนั้น ก็เลยลงในไลน์กลุ่มเลยว่า โมโห เห็นโดนตบอย่างแรง เด็กก็อุสาเอามือกั้นไว้แล้ว คือกลัวครูแล้ว ครูก็ยังตบ รอบนึงไม่พอรอบสองอีก ตอนนั้นยอมรับว่าโมโหสุด ๆ ก็เลยพูดไปในกลุ่มว่า ตั้งแต่ลูกโดนตียังไม่เห็นครูประจำชั้นหรือครูที่ตีติดต่อมาเลย แต่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ครูที่ตีก็โทรมาขอโทษ หลังจากนี้ตนก็ยังให้น้องเรียนต่อที่เดิมอยู่ เพราะว่าพี่สาวเขายังเรียนที่นั้นอยู่ แล้วก็ลูกชายคนโตก็พึ่งจบจากที่นั้นไป 2 ปี ตอนนั้นตนก็ยังไม่เคยเจอกับลูกตนจริง ๆ แต่อาจจะเคยโดนนิดหน่อย แต่เขาไม่สะดวกหรือไม่กล้าพูด ตนก็เคยอ่านแต่เป็นลูกคนอื่น แต่ว่าตามที่เด็กเคยพูดให้ฟังตั้งแต่รุ่นพี่ชาย โดนตีมาแล้วแต่เด็กไม่กล้าแสดงออกแบบออกสื่อ คนที่จบไปแล้วเคยโดนตีจนตูดบวม ซึ่งครูที่ตีก็เป็นครูคนเดียวกัน พอมาลูกชายคนเล็กพึ่งมาโดนกับตนเองจัง ๆ ถ้าไม่เห็นในคลิป ตนเองก็คงจะไม่รู้ หลังดูคลิป ตนรู้สึกโกรธโมโหเลย แล้วก็ตนเป็นคนที่มารู้ทีหลัง ที่เป็นคนโดนกระทำหนักกว่าคนอื่น แต่เรื่องมันเกิด 9 โมง เที่ยงหรือหลังจากนั้น น่าจะคุยกับตนหน่อย ไม่ก็ครูที่ห้อง แต่ถ้าตนไม่ลงในไลน์กลุ่ม เรื่องกก็จะไม่ถึงครูที่ทำกับลูกแล้วก็ถึงโทรมา ถ้าสื่อช่วยตนก็ยังเชื่อมั่นในโรงเรียนนี้ เพราะว่าโอเคชอบโรงเรียนนี้อยู่ใกล้บ้าน ตนมองไปที่ตัวบุคคลมากกว่าโรงเรียน ก็มีพ่อแม่บางคนก็ขอให้ช่วยหน่อยเพราะเขาก็ไม่กล้าออกสื่อแบบนี้ มีเด็กมาพูดให้ฟังอยู่ว่าโดนตีมาหลายรุ่นแล้ว ในวันนี้ตนมาที่โรงพักก็จะมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน แต่ก็ไม่ได้จะเอาแบบถึงที่สุด เอาแค่เตือน แต่เตือนหนักว่าบุคลากรคนอื่นอย่าทำกับเด็กแบบนี้เลยทำเบา ๆ แขนขาก็มีตีได้หัวนี้เอาไว้ทีหลังได้ไหมหรือว่าไม่ตีเลย เพราะว่าคนเป็นพ่อแม่ไม่เคยตีหัวลูกขนาดนี้ ตนยอมรับว่าไม่เคยตีเลย มันหนักไปสำหรับเด็ก ตัวน้องก็ไม่ได้แข็งแรงเหมือนเด็กคนอื่นมากเท่าไร ก็เลยมาแจ้งความไว้เพื่อเป็นกระบอกเสียงให้พ่อแม่คนอื่นจะได้ไม่ต้องกลัว ในวันนี้จะมาแจ้งในข้อหาทำร้ายร่างกาย

ผศ.ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ กล่าวว่า ในวันนี้ตนพาผู้ปกครองของเด็กที่ถูกครูตบหัวมาแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับคุณครู ก็พึ่งจะผ่านวันครูแห่งชาติมา สมัยนี้เขาไม่มีตีกันแล้วเพราะตามกฎระเบียบ พรบ.ของทางครู มันจะมีระบุไว้เลย มี 4 สถาน 1.ได้แค่ว่ากล่าวตักเตือน 2.ทำทันบน 3.ตัดคะแนนความประพฤติ 4..ทำเหตุการณ์เพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม จะมาทำนอกเหนือจากนี้ไม่ได้ ถือว่าผิดมันหมดสมัยแล้วว่า ตบ ก่อนหน้านี้ก็มีเตะ ต่อย ปัจจุบันนี้ก็คุณครูทำไม่ได้แล้ว ตนเป็นอาจารย์ยังไม่เคยทำย่างนั้นเลย เพราะวิชาชีพครูเป็นวิชาชีพเราสามารถสั่งสอนเด็กด้วยคำพูด ได้สอนเด็กเป็นตัวอย่างที่ดี เคสนี้ผู้ปกครองติดต่อมาตนเลยต้องมาดำเนินคดี มาแจ้งความเพื่อช่วยผู้ปกครองเขา ผู้ปกครองก็จะต้องมาเพื่อย่างน้อย ๆ ก็เป็นตัวอย่างเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม สำหรับครูบาอาจารย์ ไม่ใช่ว่าแค่มาแค่ให้เปลี่ยนห้องเรียนหรืออะไรมา ทำอะไรมีหนังสือตักเตือนหรือทำอะไรที่มากกว่านี้ เพื่อให้ผู้ปกครองและเด็กเยาวชนเป็นตัวอย่างดี และครูเป็นครูบาอาจารย์ต้องสำรวมมากกว่านี้ ต้องอดกั้นมากกว่านี้ แล้วก็ต้องควบคุมอารมณ์ มากกว่านี้ วันนี้เราต้องดำเนินการ เลยพาผู้ปกครองมาแจ้งความ ร้องขอ ถึงจะดำเนินการต่อ เพื่อให้เป็นเคสตัวอย่าง เพื่อจะให้รู้ว่าอย่าทำอย่างนี้อีก การที่เราเป็นครูบาอาจารย์ทำแบบไม่ได้ เพราะมันมีกฎระเบียบอยู่ แค่ 4 เท่านั้นที่ทำได้ เพื่อนเป็นครูเพื่อสั่งสอน ไม่ใช่ตบ อารมณ์ หรือมากว่านี้แล้วก็ ตบ เตะ ไม่มีแล้วในวันนี้ วันนี้ก็ต้องปฏิบัติตัวเป็นครูตัวอย่างพฤติกรรมที่ดี วันนี้พาผู้ปกครองมาแจ้งความ เขาไม่ไปทำคนต่อไป เห็นได้ข่าวว่าครูคนดังกล่าวก่อนหน้านี้ก็ทำหลายคนมาแล้ว ปัจจุบันนี้ก็ทำอยู่แล้ว ต่อไปนี้ทำไม่ได้แล้ว หมดยุคแล้ว ต่อไปนี้ต้องห้ามถ้าจะไม่ทำทนไม่ได้ก็ลาออกจากวิชาชีพไป ให้คนอื่นที่เขาพร้อมมาทำ ถ้าระงับอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ถ้าดูแล้วป้อมปรามตัวเองไม่ได้ ต้องไปรักษา ถ้าสภาวะดูแล้วจิตมีปัญหาก็ต้องรักษาทางจิต แต่ถ้าควบคุมตัวเองได้ เพื่อเป็นพฤติกรรมตัวอย่างที่ดี เผื่อเด็ก ๆ โตขึ้นไปอยากเป็นครู