ราชบุรี – สิบล้อพ่วง พลิกคว่ำทับกระบะดับคาซากอนาถ

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 17 เม.ย.66 ร.ต.อ.คชา อ่อนเหลา รอง สว.(สอบสวน) สภ.ปากท่อ ได้รับแจ้งเหตุรถกระบะถูกรถสิบล้อพ่วงพลิกคว่ำทับรถยนต์กระบะ จนมีผู้เสียชีวิตติดภายในรถ 1 ราย ที่บริเวณยูเทิร์นหน้าสนง.กรมที่ดิน อ.ปากท่อ ม.4 ต.ดอนทราย อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ พ.ต.อ.พศพงศ์ มณฑา ผกก.สภ.ปากท่อ และ พ.ต.ท.อรรถวุฒิ อนุเอกจิตร รองผกก.สภ.ปากท่อ ทราบ พร้อมเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมแพทย์เวรรพ.ปากท่อ และจนท.มูลนิธิปฐมบรมราชานุสรณ์ ราชบุรี

ที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีเทา ทะเบียน ผข 2770 ราชบุรี ถูกรถสิบล้อพ่วงหมายเลขทะเบียน 82-3007 สมุทรสาคร พลิกคว่ำตะแคงข้างทับรถยนต์กระบะอยู่ ทำให้คนขับรถยนต์กระบะเสียชีวิตติดภายในรถ ทราบชื่อต่อมาคือ นายเสถียร ยังสิทธิ์ อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 90/1 ม.2 ต.ดอนทราย อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ส่วนผู้โดยสารที่มาด้วยได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ทราบชื่อต่อมาคือ นางหอมหวล ยังสิทธิ์ อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นภรรยาผู้เสียชีวิต ได้รับบาดเจ็บติดภายในรถเช่นกัน

นายฐิติชัย นิลอ่อน หัวหน้ามูลนิธิปฐมบรมราชานุสรณ์ ราชบุรี จึงได้ประสานขอรรถตักดินเพื่อตักหินที่ทับรถยนต์กระบะออก ก่อนใช้รถยกมายกออกรถสิบล้อออก จากนั้นจึงให้จนท.มูลนิธิฯใช้อุปกรณ์ตัดถ่างนำตัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บออกมาจากรถอย่างทุลักทุเลก่อนนำส่งรพ.ปากท่อ ส่วนร่างผู้เสียชีวิต จากการตรวจสอบพบว่า บริเวณศรีษะถูกทับแบนแนบไปกับตัวรถ

การสอบสวน นายบุญเลิศ แหลมกล้า อายุ 44 ปี คนขับรถสิบล้อ ให้การว่า ตนเองได้ขับรถสิบล้อบรรทุกหินมาจากต.ห้วยยางโทน มุ่งหน้าไปส่งที่ท่าจีน จ.สมุทรสาคร ได้ขับมาตามปกติในเลนส์ขวาเพราะจะถึงสี่แยกปากท่อ เลี้ยวขวาไปทางจ.สมุทรสาคร พอถึงบริเวณที่เกิดเหตุช่วงก่อนยูเทริน์สี่แยกปากท่อ ได้มีรถกระบะคู่กรณีได้ขับตีคู่มาทางเลนส์ซ้าย และเลี้ยวตัดหน้ารถตนอย่างกระชั้นชิดจนไม่สามารถหยุดรถได้ทัน จึงพยายามหักหลบหลีกจนทำให้ตัวพ่วงสะบัดและทำให้รถพลิกคว่ำ จนตัวรถและหินที่บรรทุกมาทับรถทำให้หัวรถกระบะจนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว

เบื้องต้นจนท.ตำรวจ ได้ทำบันทึกที่เกิดเหตุพร้อมเชิญตัว นายบุญเลิศ คนขับรถสิบล้อ มา เป่าวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย แต่ไม่พบค่าแอลกอฮอล์ในร่างกาย ก่อนเชิญตัวไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.ปากท่อ พร้อมได้ให้จนท.ชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องจรปิด และสืบสวนพยานที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ เพื่อหาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุที่แท้จริงต่อไป.