เมื่อวันที่ 18 เม.ย.66 เวลา 10.00 น. ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ
และสิ่งแวดล้อม ภายใต้การอำนวยการของนายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้(ผอ.ศปก.พป.) และพล.ท.ภัทราวุฒิ ชุณหะวัณ ผอ.ศปป.4 กอ.รมน. สั่งการให้ พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หน.ชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน. และหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) กรมป่าไม้ นำโดยนายสมชาย ฉิมแย้ม บูรณาการหน่วยงานและสนธิกำลัง ประกอบด้วย ชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้, สจป.8 (นครราชสีมา), หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ชย.1(นายางกลัก) , นปพ.เทพสถิตย์ และ ตำรวจ สภ.จัตุรัส ร่วมกันเข้าตรวจค้นโรงงานแปรรูปไม้ โดยใช้เครื่องจักร แห่งหนึ่งในท้องที่ ต.หนองบัวบาน อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ ซึ่งเป็นการขยายผลต่อเนื่อง จากการตรวจค้นโรงเลื่อย ในภาคเหนือที่ จ.เชียงใหม่ และจ.เพชรบูรณ์ โดยสายข่าวที่เชื่อถือได้ ยืนยันว่าเป็นแหล่งรับซื้อไม้ประดู่แปรรูปในป่าที่ผิดกฎหมาย เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางถึง พบว่าโรงงานดังกล่าวมีรั้วคอนกรีตล้อมรอบมิดชิด ปิดประตูเหล็กไว้ ล็อกประตูโดยใส่กุญแจประตูจากด้านในแน่นหนา คณะเจ้าหน้าที่ จึงเคาะประตูอยู่นาน กว่าจะมีคนงานมาเปิดประตูให้ เมื่อเปิดประตูเข้าไปภายใ พบชายชาวจีน ประมาณ 7-8 คน ออกมาต้อนรับ พูดภาษาไทยได้ 2 คน ชื่อ อาเปา และอาชิ ให้การว่าเจ้าของโรงงานแห่งนี้เป็นคนจีน ชื่อนายขวาง หนิงเซิน และพบคนงานคนไทย ชื่อนายประดิษฐ์ ให้การว่า โรงงานนี้มีคนงาน 10 กว่าคน มีตนเป็นคนไทยเพียงคนเดียว นอกจากนั้นเป็นชาวลาวทั้งหมด แต่ได้ขอลากลับบ้านช่วงสงกรานต์ ยังไม่กลับมาทำงาน .
ซึ่งการตรวจค้น โรงงาน อินทรีทอง จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 185 หมู่ 4 ต.หนองบัวบาน อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ ครั้งนี้ ได้ตรวจสอบการอนุญาต พบว่ามีใบอนุญาตรวม 4 ฉบับ หมดอายุเดือนกุมภาพันธ์ 2566 และอยู่ระหว่างการขอต่ออายุใบอนุญาตที่ ทสจ.ชัยภูมิ ทั้ง 4 ฉบับ ได้แก่ 1 ใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน ผลิตเฟอร์นิเจอร์จากไม้ 2 ใบอนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้โดยใช้เครื่องจักร เพื่อทำประดิษฐ์กรรม, ทำเครื่องเรือน, เครื่องใช้ในบ้านเรือน, วงกบ, ประตู, หน้าต่าง, โดยใช้ไม้แปรรูปจากต่างประเทศ ไม้สวนป่า และไม้ปลูกขึ้นเองทุกชนิดเป็นวัตถุดิบ 3 ใบอนุญาตตั้งโรงค้าไม้แปรรูป 4 ใบอนุญาตค้า หรือมีไว้ในครอบครอง เพื่อการค้า ซึ่งสิ่งประดิษฐ์ เครื่องใช้ หรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่ทำด้วยไม้หวงห้าม
จาก การตรวจค้นโรงงาน พบว่าไม้ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดในโรงงานเป็นไม้ประดู่ ซึ่งมีทั้งไม้ท่อน และไม้แปรรูป พบว่าไม้ท่อน ส่วนใหญ่เป็นไม้ประดู่ ซึ่งไม้ประดู่ท่อนดูยังสดใหม่ยางยังสดอยู่จำนวนมาก ตรวจสอบจากเอกสารมีจำนวน 1,074 ท่อน กองเรียงรายในพื้นที่ของโรงงาน โดยเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเอกสารการได้มาของไม้ ตรวจนับ และวัดขนาดของไม้อย่างละเอียด ว่ามีจำนวนเท่าไรได้มาถูกต้องหรือไม่ อย่างไร คาดว่าต้องใช้เวลาตรวจอีกประมาณ 3 วัน
จากการตรวจสอบไม้แปรรูปในโรงงาน พบไม้ประดู่ ที่มีรอยแปรรูปด้วยเลื่อยโซ่ยนต์ จำนวนมาก ตรงกับที่สายข่าวรายงาน ว่ามีการนำไม้แปรรูป (ตีปอนด์)โดยใช้เลื่ิิอยโซ่ยนต์ลักลอบแปรรูปในป่าอนุรักษ์ฯ ในป่าสงวนฯ และในป่า สปก. จ.ชัยภูมิ มีไม้ประดู่ ขนาดใหญ่ที่ขึ้นเองตามธรรมชาติจำนวนมาก นำมาขายที่โรงงานแห่งนี้ ด้วย
ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบภายในโรงงานไม่พบการแปรรูปด้วยเลื่อยโซ่ยนต์แต่อย่างใด สอดคล้องกับคำให้การของนายอาชิ ว่ารับซื้อไม้ตีปอนด์ ที่มีผู้นำมาขายหลายราย จึงร่วมกันตรวจอายัดไม้ประดู่ จำนวน 469 เหลี่ยม/แผ่น และให้เจ้าของโรงงาน นำหลักฐานเอกสารที่มาของไม้ มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ภายใน 3 วัน หากไม่มี หรือมี แต่ไม่ถูกต้องสัมพันธ์กับขนาดของไม้จะตรวจยึดดำเนินคดีต่อไป
ผลตรวจสอบเอกสารการรับซื้อไม้ท่อน และไม้แปรรูป ปรากฏหลักฐานการรับซื้อไม้จาก จ.ชัยภูมิ และพื้นที่ใกล้เคียงจำนวน 1,074 ท่อน แต่ไม่พบเอกสารการรับซื้อไม้แปรรูปแต่อย่างใด
เบื้องต้นความคืบหน้าในการตรวจสอบที่มาของไม้ท่อน และไม้แปรรูปดังกล่าว รวมทั้งการขยายผลขบวนการค้าไม้มีค่าข้ามชาติ จะติดตาม และรายงานให้ทราบต่อไป
คำหอม ชุมชน 02 ผู้สื่อข่าวจ.ชัยภูมิ///รายงาน
Leave a Reply