สืบสวน ตม.1 – ตม. 2 แท็กทีมรวบหนุ่มจีนหนีหมายจับ คาสนามบิน หลังเจ้าตัวเปลี่ยนพาสปอร์ตเตรียมชิ่ง

ตามนโยบายของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี, พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. สั่งการมอบนโยบายให้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย รรท.ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. กวดขัน และเพิ่มความเข้มงวดในมาตรการด้านความมั่นคง โดนให้ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองที่รับผิดชอบงานสืบสวนปราบปราม เน้นการบูรณาการกับหน่วยงานความมั่นคงระหว่างประเทศ เกี่ยวกับความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ

ต่อมาในวันที่ 9 พ.ย.66 เวลา 23.00 น. พ.ต.อ.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ รอง ผบก.ตม.2รรท.ผบก.ตม.1, พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ รอง ผบก.ตม.1 ได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.กาจภณ ปฐมัง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 ว่า มีการจับกุม ผู้ต้องหาตามหมายจับประเทศจีนได้ 1 ราย ขณะมีการพยายามหลบหนีออกนอกประเทศ

ปฏิบัติการจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้ เป็นการประสานงานอย่างต่อเนื่องของทีมสืบสวน ในสังกัด สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หลายหน่วยงาน เริ่มตั้งแต่ กก.2 บก.ตม.1 , กก.สืบสวน บก.ตม.1 และ กก.สืบสวนปราบปราม บก.ตม.2

โดยเบื้องลึกเบื้องหลังนั้น ผู้สื่อข่าวได้ข้อมูลว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยกองการต่างประเทศ ได้รับหนังสือประสานความร่วมมือจากสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อช่วงเดือนสิงหาคม 2566 ที่ผ่านมาเกี่ยวกับกรณีกลุ่มบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีความผิดเกี่ยวกับการลักลอบค้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นความผิดในประเทศจีน ไม่ว่าจะเป็นการลักลอบค้าขยะโดยไม่ได้รับอนุญาต การแยกชิ้นส่วนจำหน่ายไปยังประเทศที่สาม หรือการปิดบังข้อมูลอื่นๆต่อเจ้าพนักงาน

ซึ่งนาย เจิ้งเหอ (นามสมมติ) เป็นหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการซึ่งถูกทางการจีนออกหมายจับในครั้งนั้น ต่อมาได้เดินทางหลบหนีออกจากประเทศและมากบดานอยู่ในประเทศไทยโดยอาศัยกรุงเทพมหานครซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีชาวจีนพักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากเป็นที่หลบซ่อนตัว

ต่อมาหลังจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้รับทราบเรื่องจากทางการจีน
กก.2 บก.ตม.1 ซึ่งเป็นหน่วยงานที่อนุญาตให้บุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว จึงได้ทำการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรดังกล่าว

กก.สืบสวน บก.ตม.1 รับแมวต่อดำเนินการแจ้งการเพิกถอนการอนุญาตดังกล่าวไปยังที่พัก ที่บุคคลต่างด้าวได้แจ้งไว้ในระบบสารสนเทศของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และระดมทีมสืบสวนออกสืบสวนหาข่าวอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา

จนกระทั่งวันเกิดเหตุเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2566 ชุดสืบสวน บก.ตม.1ได้รับการประสานงานจาก กก.สืบสวนปราบปราม บก.ตม.2 ว่าตรวจพบชาวจีนมีตำหนิรูปพรรณคล้ายกับผู้ที่ถูกเพิกถอนการอนุญาตในระบบ มีการพยายามใช้หนังสือเดินทางเล่มที่แตกต่างจากหนังสือเดินทางที่สาธารณรัฐประชาชนจีนออกประกาศสืบจับ กำลังพยายามเดินทางออกนอกประเทศจึงได้ประสานงานกับชุดสืบสวนของ กก.สืบสวนปราบปรามบก.ตม.2 ส่งทีมประกบรวบตัวได้ทันควัน คาสนามบิน

พ.ต.อ.กาจภณ ปฐมัง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 กล่าวกับผู้สื่อข่าวถึงปฎิบัติการครั้งนี้ว่า เป็นการแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือ ทั้งในส่วนของความร่วมมือระหว่างประเทศระหว่างประเทศไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนและความร่วมมือระหว่างหน่วยงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเอง นำมาซึ่งผลสัมฤทธิ์ในการจับกุมครั้งนี้

สำหรับบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีนซึ่งถูกจับกุมและถูกดำเนินคดีในความผิดฐานเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุดนับตั้งแต่วันที่ถูกเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร และจะถูกส่งตัวไปยัง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการส่งกลับไปยังประเทศจีนเพื่อรับโทษตามกฏหมายต่อไป

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมทั้งดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิด ความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่นๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแส การกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

Leave a Reply

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com
Share via
Copy link
%d