จับกุมมิจฉาชีพหลอกลวงลงทุนขายเครื่องนวดสปาหน้า

จับกุมมิจฉาชีพหลอกลวงลงทุนขายเครื่องนวดสปาหน้า
ด้วยศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผอ.ศปอส.ตร. , พล.ต.ต.ธีรพล คุปตานนท์ รอง ผบช.ภ.8 รรท.ผบช.ทท.ได้รับร้องเรียนจากประชาชนกว่า 10 คน ว่าตกเป็นเหยื่อกลุ่มมิจฉาชีพ หลอกระดมทุนขายเครื่องนวดสปาหน้า การันตีผลตอบแทนมากกว่า 600% ต่อปี เสียหายกว่า 5 ล้านบาท คาดว่ามีผู้เสียหายที่ยังไม่ได้มาแจ้งความอีกกว่า 100 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท เข้าข่ายกระทำความผิดฐาน ฉ้อโกงประชาชน และ กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ฯ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และประสานพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ดำเนินคดี
มิจฉาชีพกลุ่มนี้มี นางภัสราภรณ์ โชติสิงห์สิริ และ นายพิพัฒน์ชัย จงจิตไพศาล เป็นสามีภรรยากัน ร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหาย โดย นางภัสราภรณ์ฯ โฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ เฟสบุ๊ค ชื่อ “ภัสราภรณ์ เจ้าแม่ท้าวแชร์” และ “ภัสราภรณ์ ชิตสิงห์สิริ” ว่าเป็นตัวแทนขายครื่องนวดสปาหน้า ของบริษัทนูสกินส์ และชักชวนประชาชนทั่วไป ให้นำเงินมาร่วมลงทุนกับตน เพี่อรับผลตอบแทนสูง เนื่องจากมีลูกค้าสั่งเครื่องนวดสปาหน้าจำนวนมาก หากผู้ใดสนใจ นางภัสราภรณ์ฯ ก็จะดึงเข้ากลุ่มไลน์ และแจ้งเงื่อนไขการลงทุนให้ทราบว่า ลงทุนขายเครื่องนวดสปาหน้า ๑ เครื่อง โอนเงิน ๓๐,๐๐๐ บาท ครบกำหนด ๗ วัน รับกำไร ๓,๕๐๐ บาท และแจ้งบัญชีรับโอนเงิน มีทั้งบัญชีของ นางภัสราภรณ์ฯ และ นายพิพัฒน์ชัยฯ ช่วงแรกๆ ได้ผลตอบแทนจริง ต่อมามีการแจ้งว่า มียอดสั่งซื้อเครื่องนวดสปาหน้าเพิ่มจำนวนมาก และได้เพิ่มกำไรให้ผู้ลงทุนเป็น ๕,๐๐๐ บาท ผู้เสียหายเห็นว่าเคยได้เงินจริง จึงหลงเชื่อจองการลงทุน และเพิ่มจำนวนเงินลงทุน แต่เมื่อครบกำหนด นางภัสราภรณ์ฯ ไม่โอนเงินให้กลุ่มผู้เสียหายตามเงื่อนไขที่สัญญาไว้ เมื่อผู้เสียหายสอบถามก็บ่ายเบี่ยงอ้างว่าถูกนายทุนโกงอีกทอดหนึ่ง
พนักงานสอบสวนกองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติจับผู้ต้องหาทั้งสอง โดยศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้งสอง ในความผิดฐาน “ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน,ฉ้อโกงประชาชน,โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”
ต่อมาเมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ เจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้ติดตามจับกุมตัว นางภัสราภรณ์ฯ ที่ จว.เชียงใหม่ และ จับกุม นายพิพัฒน์ชัยฯ ที่จังหวัดลพบุรี และยึดทรัพย์สินของทั้งสอง นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และแจ้งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินต่อไป

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชน” ระวางโทษ “จำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343
ความผิดฐาน “กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน” ระวางโทษ “จำคุก 5 – 10 ปี ปรับ 5แสน – 1 ล้านบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่” ตาม พระราชกำหนดการกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 มาตรา 4 , 5 , 12
ความผิดฐาน “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” ระวางโทษ “จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ” ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2560 มาตรา 14(1)

ขอบคุณข้อมูลข่าวสาร พ.ต.ต.หญิงพัชรี ศรีเผือก สว.ฝอ.5 บก.อก.สตม.

ทีมข่าวเรื่องจริงผานเลนส์รายงาน

Leave a Reply

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com
Share via
Copy link