สาวโวย ถูกชายแต่งกายคล้ายตำรวจยึดรถจักรยานยนต์ โดยไม่แจ้งสาเหตุ พอไปติดต่อเอารถคืนกลับไม่พบรถที่ สน.

สาวโวย!แฟนหนุ่มถูกตำรวจปลอมยึดรถมอไซร์ พอไปติดต่อเอารถกลับไม่อยู่ที่โรงพัก

จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์เรื่องราวเตือนภัย หลังพบชายแต่งกายคล้ายตำรวจ 2 คน ยึดรถจัดรยานยนต์ไป เเต่เมื่อตามไปติดต่อขอรับรถคืนที่โรงพัก กลับไม่พบรถจักรยานยนต์ของตนเองที่ถูกยึดไป โดยระบุข้อความว่า “#เตือนภัย ถนนเอกชัย -บางบอน ระวังโดนตำรวจ ปลอม 2 คนตามในรูปขโมยรถ เมื่อวันที่ 23 พฤษจิกายน 2561 ได้การขับรถ Cb300 คล้ายรถตำรวจ แต่ไม่ใส่ป้ายทะเบียน ขับจี้ไล่ตามแฟนเรา แฟนเราขับหนี มีเพื่อนซ้อนท้ายอีกหนึ่งคน ถูกค้นตัว ขอขอดูเอกสารรถ แต่เอกสารอยู่บ้าน ตำรวจปลอม เลยขอยึดรถไปที่โรงพัก และ ให้ตำรวจปลอมอีกคน ขี่รถ แฟนเรา บอกกับแฟนเราว่าขอเบอร์ติดต่อหน่อย จะได้ให้เอาเอกสารมายื่นรับรถที่โรงพักตอนเช้า แต่ตอนเช้าไปที่ สน.บางขุนเทียน กลับไม่มีรถอยู่ และ ตำรวจให้ดูบันทึกประจำวันของวันที่ 23 พฤศจิกายน 2561 ไม่ได้มีการยึดรถคันดังกล่าว

ทีมข่าวได้ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุบริเวณปากซอยเอกชัย 83/7 ซึ่งเป็นจุดที่ผู้โพสต์อ้างว่า แฟนของตนเองถูกตำรวจปลอมยึดรถไป โดยจากการสอบถามพ่อค้าแม่ค้าในระแวกดังกล่าว แต่ก็ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ เพราะช่วงที่เกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน ร้านค้าส่วนใหญ่ปิดหมดแล้ว จากนั้นทีมข่าวได้ติดต่อไปยังผู้โพสต์เฟซบุ๊ค เล่าว่า ขณะเกิดเหตุแฟนตนเองได้ขับรถจักรยานยนต์ออกจากบ้าน โดยมีเพื่อนซ้อนทายไปด้วย 1 คน จากนั้นได้ถูกชาย 2 คนแต่งกายคล้ายตำรวจขับรถไล่ติดตาม แฟนของตนเองจึงขับรถหนี ก่อนจะถูกตามไล่ทัน บริเวณภายในซอยเอกชัย 83/7

จากนั้นชายที่แต่งกายคล้ายตำรวจได้ขอตรวจค้น และ ขอดูเอกสารรถ แฟนตนเองจึงตอบไปว่า เอกสารรถอยู่ที่บ้าน ก่อนที่ 1 ใน 2 คน จะยึดกุญแจรถพร้อมกับขอเบอร์โทรศัพท์ของแฟนตนเองไป โดยได้บอกว่า จะติดต่อให้ไปเอารถที่ สน.บางขุนเทียน ครึ่งหนึ่งในสองคนนั้น ยังให้เงิน 100 บาทเพื่อให้ตนเองนั่งรถกลับบ้าน

ต่อมาในตอนเช้า จึงได้นำเอกสารเดินทางไปที่สน.บางขุนเทียน เพื่อขอรับรถคันดังกล่าวคืน แต่พอไปถึง สน.กลับพบว่า ไม่มีรถของแฟนตนเองที่ถูกยึดมา จึงทำให้สงสัยว่า รถจักรยานยนต์ของแฟนถูกขโมย เนื่องจากขณะจับกุมชายที่แต่งกายคล้ายตำรวจทั้ง 2 คน ไม่มีการแสดงบัตรเจ้าพนักงาน และ ไม่มีการเขียนใบสั่งว่า จับกุมข้อหาอะไร อีกทั้งที่ สน.ก็ไม่มีการลงบันทึกประจำแต่อย่างใด

แฟนผู้เสียหายยังเล่าอีกว่า หลังจากเกิดเหตุ ต้นจึงได้โพสต์ใน Facebook เพื่อตามหารถต่อมา วันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีพลเมืองดีได้โทรศัพท์มาหาตนเอง ว่า พบรถจักรยานยนต์ลักษณะ และ ป้ายทะเบียนตรงกับตนเอง จอดอยู่ในซอยราษฎร์บูรณะ 42 เมื่อไปถึงก็พบว่า เป็นรถของตนเองจริง ๆ ทำให้รู้สึกดีใจมาก ที่ได้รถคันดังกล่าวคืน ส่วนการดำเนินคดีกับชายทั้ง 2 คนที่อ้างเป็น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ให้เป็นหน้าที่ตำรวจของชุดสืบสวนในการติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป

นอกจากนี้ทีมข่าวได้สอบถาม พ.ต.อ.ลือศักดิ์ ดำเนินสวัสดิ์ ผกก. สน.บางขุนเทียนเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นผู้ที่ก่อเหตุดังกล่าวไม่ใช่ตำรวจอย่างแน่นอน เนื่องจากหมวกตำรวจที่ชายทั้ง 2 สวมใส่ ไม่มีรหัสประจำตัวเจ้าพนักงาน เสื้อกั๊กก็ไม่มีสังกัดระบุ ว่า อยู่หน่วยงานไหน และ รถจักรยานยนต์ที่ใช้ก็ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน อีกทั้งได้สั่งการให้ชุดสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิดในจุดที่เกิดเหตุ และ จุดที่พบรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย เพื่อเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว

โดยเหตุการณ์ดังกล่าว ได้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2561 ช่วงกลางดึก ซึ่งชายทั้ง 2 คนได้ขับรถไปธุระที่ตลาดกลางคืนแห่งหนึ่งย่านพระราม 2 ภายในซอย พระราม 2 ซอย 50 จากนั้นจึงได้พบเจ้าหน้าที่ทั้งสองคน บริเวณหน้าเซเว่นกลางซอยเอกชัย 69 ซึ่งมีการตรวจค้นผู้หญิง 2 คนอยู่ จากนั้นเจ้าหน้าที่ทั้งสองคนเห็นตนขับรถมา จึงได้เรียกตรวจค้น แต่ตนเองตกใจ จึงได้ขับรถหนี ออกปากซอยเอกชัย 69 โดยมีเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 นาย ไล่กวดติดตามมาโดยตลอด จนถึงแยกบางบอน ต่อจากนั้นตนจึงได้เลี้ยวเข้าภายในซอย เอกชัย 83/7 ซึ่งเจ้าหน้าที่ทั้ง 2 นายได้ติดตามเข้าไปจนทันบริเวณกลางสี่แยกในตลาด จึงได้ทำการตรวจค้นตน และเพื่อน ต่อจากนั้น จึงได้ถามหาเจ้าของรถชื่อว่าอะไร ซึ่งตนก็ปฏิเสธว่า จำชื่อเจ้าของรถไม่ได้เพราะเพิ่งซื้อรถมายังไม่ได้โอนทะเบียน โดยเอกสารทุกอย่างมีครบหมด แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังยึดรถ ต่อมาเจ้าหน้าที่ให้ตนซ้อนท้ายออกมาถึงปากซอยเอกชัย 83/7 และให้เงินจำนวน 100 บาท ให้ตนและเพื่อนนั่งรถกลับบ้าน โดยให้ตนไปติดต่อขอรับรถได้ที่สน.บางขุนเทียน เมื่อตนติดต่อไปขอรับรถดังกล่าว กลับไม่พบรถของตนและไม่มีการลงประจำวันไว้ จนแฟนของตนเองได้โพสต์ข้อความดังกล่าว ต่อมาวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 จึงได้มีพลเมืองดีติดต่อกลับเข้ามาว่าพบรถคันดังกล่าวแล้ว ซึ่งตนก็ได้ประสานสน.ราษฎร์บูรณะ เพื่อรับรถคันดังกล่าวกลับมา ทั้งนี้ตนยังได้ลงบันทึกประจำวัน ไว้เป็นหลักฐาน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ติดตาม ตำรวจปลอมทั้ง 2 นายมาดำเนินคดีต่อไป