จับกุมขบวนการต่างชาติใช้หนังสือเดินทางที่ประทับตราโดยผิดกฎหมายเพื่อลักลอบอยู่ในประเทศไทยและดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ผู้ลักลอบประทับตราโดยผิดกฎหมาย

จับกุมขบวนการต่างชาติใช้หนังสือเดินทางที่ประทับตราโดยผิดกฎหมายเพื่อลักลอบอยู่ในประเทศไทยและดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ผู้ลักลอบประทับตราโดยผิดกฎหมาย
ตามนโยบายรัฐบาลและการปฏิบัติการโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำการปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล สอดคล้องกับสภาพสังคมและเศรษฐกิจ เนื่องจากพรมแดนของประเทศมีการเปิดเสรีมากขึ้น และยังเป็นศูนย์กลางของเส้นทางการเดินทางไปยังประเทศอื่นๆหลายประเทศ ส่งผลให้ในปัจจุบันมีคนร้ายหรืออาชญากรแฝงตัวมาในรูปแบบนักท่องเที่ยว และใช้ประเทศไทยเป็นที่กบดานหรือเป็นทางผ่าน ซึ่งลักษณะดังกล่าวเป็นภัยต่อประเทศ จึงได้มีการจัดตั้งศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ( ศปชก.ตร. ) ขึ้นมาทำหน้าที่สืบสวนและปราบปรามอย่างจริงจัง

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้จัดตั้งศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย (ศปชก.ตร.) โดยมี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สอาดพรรค ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ และมอบหมายให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการประจำศูนย์ฯ ซึ่งได้ทำการสืบสวนปราบปรามจับกุมมาอย่างต่อเนื่องและจริงจัง
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. ได้สั่งการและกำชับการปฏิบัติหน้าที่ ของเจ้าหน้าที่ในสังกัดสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ให้มีความเข้มงวดในการตรวจสอบการเข้ามาในราชอาณาจักรและการอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ถูกต้องของคนต่างด้าวซึ่งส่วนใหญ่จะแฝงตัวเข้ามาประเทศไทยในรูปแบบต่างๆ เป็นผลให้ผู้กระทำความผิดหาช่องทางหลบเลี่ยงและพัฒนาวิธีการใหม่ๆมากขึ้น ประกอบกับมีเจ้าหน้าที่รัฐหรือผู้มีอำนาจหน้าที่บางรายให้ความร่วมมือกับผู้กระทำความผิดทำให้การตรวจสอบลำบากมากยิ่งขึ้น ศปชก.ตร. ร่วมกับ ด่านตรวจคนเข้าเมือง ท่าอากาศยานกรุงเทพ (ตม.ทอ.) จึงได้รับคำสั่งให้ทำการสืบสวน เนื่องจากกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง ๒ ได้รายงาน กรณีมีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ยศดาบตำรวจ สังกัด ตม.ทอ. ทำหน้าที่ตรวจอนุญาตบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ได้บันทึกข้อมูลการตรวจอนุญาตการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรในระบบสารสนเทศสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยบุคคลต่างด้าวมิได้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรจริง แต่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรโดยพนักงานเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในกรณีนี้กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง ๒ ได้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลดอนเมือง ให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองคนดังกล่าวจนกว่าคดีจะถึงที่สุด หลังจากนั้น ศปชก.ตร. ได้ดำเนินการสืบสวนขยายผลจับกุมบุคคลต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และจับกุมขบวนการต่างชาติใช้หนังสือเดินทางที่ประทับตราโดยผิดกฎหมายเพื่อลักลอบอยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย ตลอดจนผู้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด โดยในขณะนี้เจ้าหน้าที่

ศปชก.ตร. สามารถทำการจับกุมขบวนการต่างชาติใช้หนังสือเดินทางที่ประทับตราโดยผิดกฎหมายได้แล้ว จำนวน 5 ราย มีรายละเอียดดังนี้
๑ .นายโอลาวาเล ราอิมี่ ( Mr.OLAWALE RAIMI ) อายุ 33 ปี สัญชาติไนจิเรีย เลขหนังสือเดินทางประเทศไนจิเรีย ที่ A05470140 จับกุมได้เมื่อวันที่ 26 เดือนธันวาคม พ.ศ. 256๑ เวลาประมาณ 11.30 น. ได้ที่ห้องพักเลขที่ 46/320 อาคาร 624 คอนโดเลตลาดพร้าว ถนนเสรีไท แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร
2.นายโจนาส ซิลวา ( Mr.JONAS SILVA ) อายุ 39 ปี สัญชาติกีนีบิสเซา ถือหนังสือเดินทางประเทศกีนีบิสเซา ที่ AAAN014 จับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 4 เดือน มกราคม พ.ศ. 2562 เวลาประมาณ 17.00 น. ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง 1
3.ชื่อนายริเชส อองบอนน่า โอนู ( Mr.Riches Ogbonna Onu ) อายุ 44 ปี สัญชาติไนจีเรียหนังสือเดินทางประเทศไนจีเรีย เลขที่ A3822256A เจ้าหน้าที่ ศปชก.ตร. ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ กก.บคด.บก.ตม.5 และเจ้าหน้าที่ ตม.จว.เชียงใหม่ ได้ทำการสืบสวนและจับกุมตัวได้ที่ หมู่บ้านอรุโณทัย ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่
4.นายชาโพ ซูมา (MR.TSHEPO ZUMA) อายุ ๓๗ สัญชาติ แอฟริกาใต้ หนังสือเดินทางประเทศแอฟริกาใต้ เลขที่ A0118121 ทราบว่า เจ้าหน้าที่ ศปชก.ตร. ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ ตม.จว.สุราษฎร์ธานี ได้ทำการสืบสวนและจับกุมตัวได้ที่บ้านเลขที่ 69/25 ม.5 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จว.สุราษฎร์ธานี เวลาประมาณ 21.30 น.
5.นายโอควาทาร่า เบน อิบราฮิม (MR.OUATTARA BEN IBRAHIM) อายุ 21 ปี สัญชาติไอวอรีโคสต์ หนังสือเดินทางประเทศไอวอรีโคสต์ เลขที่ 16AK08078 ถูกจับกุมตัวได้บริเวณร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น ด้านหน้ามหาวิทยาลัยราชภัฎสุราษฎร์ธานี อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี
จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหาทั้ง ๕ ราย มีรูปแบบในการกระทำความผิดอยู่ 2 ลักษณะคือ

1. ผู้ต้องหา ๑ คน ถือหนังสือเดินทางมากกว่า ๑ เล่ม โดยแต่ละเล่มเป็นหนังสือเดินทางคนละประเทศกัน อีกทั้งหนังสือเดินทางแต่ละเล่มนั้นมี ข้อมูล ชื่อ นามสกุล สัญชาติ และรายละเอียดอื่นๆ แตกต่างกัน แต่ภาพใบหน้าซึ่งปรากฏในหนังสือเดินทางแต่ละเล่มนั้น กลับเป็นบุคคลเดียวกัน เมื่อตรวจสอบข้อมูลในเชิงลึก ประกอบกับ การประทับตราอนุญาตในหนังสือเดินทางเล่มที่ผู้ต้องหาถือเล่มล่าสุดแล้ว พบว่า ผู้ต้องหาไม่ได้เดินทางเข้า หรือออก ประเทศ ตามที่มีการประทับตราอนุญาตแต่อย่างใด
2. ผู้ต้องหา ๑ คน ถือหนังสือเดินทาง ๑ เล่ม ซึ่งการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่ปรากฏว่า มีการประทับตราเดินทางออกนอกประเทศไทย และเดินทางเข้าประเทศไทย ซึ่งเมื่อตรวจสอบข้อมูลในเชิงลึกแล้ว พบว่า ผู้ต้องหาไม่ได้เดินทางเข้า หรือออก ประเทศ ตามที่มีการประทับตราอนุญาตแต่อย่างใด

พฤติการณ์ของผู้ต้องหาดังกล่าวข้างต้น เป็นการหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อให้ตนเองได้รับอนุญาตอยู่ในราชอาณาจักร ตลอดจนทำให้ผู้อื่นเชื่อว่า ตนได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร มีพฤติการณ์ที่น่าเชื่อว่าเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคม เข้าลักษณะต้องห้ามมิให้เข้าราชอาณาจักรตามาตรา 12(7) แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้ทำการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร และจะสืบสวนขยายผลหากพบการกระทำความผิดก็จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
และจากการตรวจสอบหนังสือเดินทางของผู้ต้องหาบางรายพบว่า มีการตรวจลงตราจากสถานฑูตและสถานกงสุลไทยประจำเมืองต่างๆ ในต่างประเทศ อนุญาตให้ผู้ต้องหาสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้อีกด้วย ซึ่งตามกรณีดังกล่าวในวันนี้ ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปชก.ตร.) ได้เชิญผู้อำนวยการกองตรวจลงตราและเอกสารเดินทางคนต่างด้าว กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ มาร่วมตรวจสอบเพื่อจะได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

ขอบคุณข้อมูลข่าวสาร ที่มา พ.ต.ต.หญิงพัชรี ศรีเผือก สว.ฝอ.5 บก.อก.สตม.

ทีมข่าวเรื่องจริงผานเลนส์รายงาน

Leave a Reply

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com
Share via
Copy link