ราชบุรี – มอบตัวแล้ว เฒ่า 69 มือยิงสาวท้อง 4 เดือนดับคาที่ ผัวเจ็บ

กรณีเมื่อเวลา 13.30 น. ของวันที่ 19 มิ.ย.63 นายนายกฤษฎิ์ ธนาถาวรฤทธิ์ หรือ (น้อย ผมยาว) อายุ 69 ปี เลขที่ 112/1 หมู่ 1 ต.ยางหัก อ.ปากท่อ จ.ราขบุรี ได้ใช้อาวุธปืนสั้น ขนาด.38 ยิง น.ส.จินดารักษ์ ขุนนุช อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 122 ม.1 ต.ยางหัก อ.ปากท่อ ซึ่งตั้งครรภ์ได้ 4 เดือน นอนเสียชีวิตอยู่ที่เบาะนั่ง ด้านหน้าฝั่งซ้าย ภายในรถเก๋ง ยี่ห้อ ฟอร์ด สีขาว 4 ประตู ทะเบียน กท- 9978 เพชรบูรณ์ พร้อมนายพิทักษ์ สุขมาก(สามี) อายุ 31 ปี บ้านเลขที่ 17/1 ม.5 ต.ท่าราบ อ.เมือง ได้รับบาดเจ็บและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลปากท่อ อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว โดยเหตุเกิดที่บริเวณซอยเข้าบ้านหมู่ 1 ถนนยางหัก-วังปลาช่อน อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี หลังเกิดเหตุ นายนายกฤษฎิ์ หรือ (น้อย ผมยาว) มือยิงได้ขับรถยนต์ฮอนด้า ซีอาร์วี สีน้ำเงิน ทะเบียน กน-7179 นนทบุรี หนีไปอย่างรวดเร็ว จนเจ้าหน้าที่ได้วิทยุสกัดจับแต่ไม่พบรถยนต์และผู้ก่อเหตุ จึงได้ใช้วิธีตามกดดันเพื่อให้ผู้ต้องรายนี้ออกมามอบตัว ดังที่มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 20 มิ.ย.

นายนายกฤษฎิ์ ธนาถาวรฤทธิ์ หรือ (น้อย ผมยาว) ผู้ต้องหาได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวกับ พ.ต.อ.สมบัติ โพธิ์งาม ผกก.สภ.ปากท่อ จ.ราชบุรี และได้สั่งการให้ ร.ต.อ.ชัยวัฒน์ รักอู่ พนักงานสอบสวน สภ.ปากท่อ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ

ก่อนขยายผลนำตัวไปชี้จุดทิ้งอาวุธปืนลูกโม่ ขนาด.38 ที่ใช้ก่อเหตุ เพื่อนำไปประกอบสำนวนในการดำเนินคดี จากนั้นพนักงานสอบสวนได้นำตัวผู้ต้องหา เข้าควบคุมในห้องขัง พร้อมสอบปากคำและสอบพยานอย่างละเอียด เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป จากการสอบสวนผู้ต้องหาเบื้องต้นให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนได้นำช่างมาทำประตูทางเข้าบ้านเลขที่ 112/1 หมู่ 1 ต.ยางหัก อ.ปากท่อ ต่อมา 2 สามีภรรยา ได้ขับรถยนต์คันดังกล่าวเข้ามาและได้มีปากเสียง สาเหตุเนื่องจากก่อนหน้านี้มีข้อพิพาทในเรื่องที่ดินดังกล่าว ซึ่งเป็นที่ดิน สปก. และมีการแจ้งความดำเนินคดีมาก่อนหน้านี้ เมื่อ 2 สามีภรรยามาพบกลุ่มบุคคลที่ตนเอาทำประตูจึงได้มีการด่าทอกันเกิดขึ้น ตนจึงใช้อาวุธปืนลูกโม่ ขนาด.38 ยิงใส่เข้าไปในรถ โดยไม่รู้ว่ายิงถูกใครบ้าง เพราะหลังยิงเสร็จ 2 สามีภรรยา ได้ขับรถยนต์หนีออกมาจากจุดที่ยิงอย่างรวดเร็ว จนห่างไปประมาณ 100 เมตร รถยนต์ของสามีภรรยา ได้เสียหลักตกลงไปข้างทาง เข้าไปในรั้วบ้านใกล้เคียง ตนเห็บแบบนั้นจึงขับรถยนต์เก๋งของตนหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว จนถูกเจ้าหน้าที่กดดันอย่างหนัก จึงติดต่อเข้าขอมอบตัว ขณะที่ช่วงบ่ายของวันเดียวกันผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไป

พบนายจำลอง ขุนนุช อายุ 74 ปี พ่อของ น.ส.จินดารักษ์ ที่อุ้มท้องได้ 4 เดือน แล้วถูกนายกฤษณ์ ยิงขนเสียชีวิต ส่วนสามีบาดเจ็บอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว โดยนายจำลอง เปิดเผยว่า ตอนนี้ยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่ขึ้น เพราะลูกสาวจากไปอย่างกะทันหัน ไม่ทันตั้งตัว ซึ่งเหตุการณ์นี้ไม่ได้เสียแค่ลูกสาวเพียงคนเดียว ต้องมาเสียหลานในท้องของลูกสาวไปด้วยอีกคน ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากเรื่องที่ดิน ก่อนหน้านี้มีที่ดินอยู่ผืนนึงจำนวน 6 ไร่ ซึ่งเป็นของลูกสาว และนายกฤษณ์ คนก่อเหตุ มาติดต่อขอซื้อที่ดินดังกล่าวไป แต่ไม่ทราบรายละเอียดของความขัดแย้งลึกๆ ตอนนี้ ตนเองก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงต้องมายิงกันแบบนี้ นายจำลอง เล่าต่อว่า เมื่อวานนี้ช่วงประมาณเที่ยงกว่าๆ ลูกชายอีกคนได้วิ่งมาบอกที่บ้านว่า ลูกสาวถูกยิง ตรงก่อนถึงหน้าบ้าน ตนจึงรีบวิ่งออกไปดู พอไปถึงเห็น นายพิทักษ์ (ลูกเขย) คานออกมาจากรถ มีเลือดเต็มตัว และเห็นลูกสาวที่นั่งอยู่ข้างเบาะคนขับ นอนพับหัวลงที่เบาะนั่ง มีเลือดเต็มตัว ตนจึงรีบเข้าไปเรียกลูกสาว แต่พบว่าลูกสาวเสียชีวิตไปแล้ว "ตอนนั้นตนภาวนาของให้หลานในท้องของลูกสาวปลอดภัย แต่พอจับชีพจรและท้องของลูกสาวกับไม่พบการตอบสนองลูก จึงทำให้ตนใจสลายเพราะเสียทั้งลูกสาวและหลานที่อยู่ในท้องของลูกสาวอีกคน" ส่วนผู้ก่อเหตุตนเคยเจอ เคยเห็นหลายครั้ง มีพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุนั้นก็เป็นคนพูดจาดี ดูสุภาพก็ไม่น่าเชื่อว่าจะมาก่อเหตุยิงลูกสาวตนในวันนี้ แล้วขอให้กฏหมายเอาผิดและดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

ขณะที่ น.ส.วลาวัลย์ อิ่นคำ อายุ 56 ปี (แม่ผู้เสียชีวิต) เปิดเผยว่า เรื่องราวทั้งหมดเกิดจากที่ดินจำนวน 6 ไร่ ซึ่งเคยเป็นที่ดินของลูกสาว แต่ได้ขายให้นายกฤษณ์ และได้มาสร้างบ้านที่ดินดังกล่าว หลังจากนั้นนายกฤษณ์ ได้เอาไปขายต่อในราคาสามแสนบาท พอคนซื้อรู้ว่าที่นั้นเป็นที่ สปก. ไม่สามารถซื้อขายได้ ซึ่งผิดกฎหมายจึงขอขายคืน ลูกสาวเลยรับซื้อคืนกลับมาในราคาสามแสนบาท แต่ผู้ก่อเหตุนั้น ได้เงินไปหมดแล้ว แต่กลับไม่ยอมให้ที่คืน โดยผู้ก่อเหตุจะเอาบ้านที่อยู่ในที่ดินดังกล่าว พร้อมกับซื้อดินทรายมาลงเพื่อจะทำการปลูกต่อ โดยตนได้พยายามไกล่เกลี่ย และยกบ้านให้และจะทำทางเข้าให้ 1 เมตร เพราะนายกฤษณ์ อ้างว่าไปแจ้งบ้านเลขที่มาเรียบร้อยแล้ว จนมาวันเกิดเหตุลูกสาว ได้พาตนไปซื้อผักที่ตลาดศรีเมือง เพื่อจะนำมาขาดที่ตลาดนัดเนื่องจากตนเป็นแม่ค้าขายผัก จนซื้อมาเสร็จและเตรียมไปขายที่นัดใกล้บ้าน ลูกสาวจึงขอเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านก่อน และจะตามตนไปช่วยขาย จนมารู้อีกทีคืนลูกสาวถูกยิงแล้ว ตนจึงรีบไปดู และคนงานที่ทำประตูได้เล่าให้ตนฟังว่า ลูกสาวเห็นนายกฤษณ์ กำลังทำประตูรั้วอยู่ จึงเข้าไปถามว่าทำไมมาทำประตูปิดเปิดทางเข้าในที่ของหนู แต่นายกฤษณ์ กับชักปืนออกมายิงใส่ลูกสาวที่นั่งอยู่ในรถทันที จนทำให้ลูกสาวเสียชีวิตไปพร้อมกับหลานที่อยู่ในท้อง

สุจินต์ นฤภัย(เต้) จ.ราชบุรี

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com
Share via
Copy link