เรือนจำกลางอุบลฯ ปิดอบรมโครงการพระราชทานโคกหนองนาแห่งน้ำใจ

เรือนจำกลางอุบลฯ ปิดอบรมโครงการพระราชทานโคกหนองนาแห่งน้ำใจ
วันนี้ ( 15 ก.ย.63) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นผู้แทนพระองค์ มอบประกาศนียบัตรให้แก่ผู้เข้ารับการฝึก ให้โอวาทเป็นแนวทางในการปฏิบัติและกล่าวปิดการฝึกอบรมตามโครงการพระราชทานโคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวังเรือนจำกลางอุบลราชธานี กรมราชทัณฑ์
ตามที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทาน ให้มีการฝึกโครงการโครงการพระราชทานโคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวังเรือนจำกลางอุบลราชธานี กรมราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นการประยุกต์ใช้ทฤษฎีใหม่แบบชาวบ้าน ปั้นโคก ขุดหนอง ทำนา เพื่อสร้างต้นแบบเกษตรทฤษฎีใหม่ในพื้นที่ขนาดเล็ก โดยสามารถดำเนินการได้ในทุกเงื่อนไข ของพื้นที่ และมุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนพื้นฐาน ความคิด การฝึกวินัย การลงมือปฎิบัติ ตลอดจนการแก้ไขปัญหาในสถานการณ์จริง เพื่อให้ผู้ต้องขังสามารถพึ่งพานเอง และช่วยเหลือผู้อื่นได้ ที่ได้รับความเดือดร้อนได้เมื่อพ้นโทษออกไปภายนอก

ปัจจุบันการฝึกอบรมตามโครงการพระราชทานโคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวังเรือนจำกลางอุบลราชธานีกรมราชทัณฑ์ มีผู้เข้ารับการฝึกเป็นผู้ต้องขังที่เป็นคนไทย 106 คน และชาวต่างชาติ 7 คน รวมทั้งสิ้น 113 คน โดยฝึกอบรมเป็นเวลา 14 วันระหว่างวันที่ 1 กันยายน 2563 ถึงวันที่ 14 กันยายน 2563 ประกอบด้วย การออกแบบแนวความคิด การบริหารจัดการพื้นที่ขนาดเล็กการประยุกต์ทฤษฎีใหม่แบบชาวบ้านโคก ขุดหนอง ทำนาตามภูมิสังคม ลงบนกระดาษ การสร้างพื้นที่จำลอง และวางแผนการปลูกป่า 3 อย่างประโยชน์ 4 อย่าง เพื่ออยู่ พอกิน พอใช้และร่มเย็น การปฏิบัติในพื้นที่จริง ขนาด 1 งานหรือ 412 ตารางเมตร ตามที่ใหม่แบบชาวบ้านบ้าน ปั้นโคก ขุดหนองทำนายตามภูมิสังคม และการสรุปและประเมินผล
จากผลการดำเนินโครงการที่ผ่านมาผ่านมาผู้เข้ารับการฝึกอบรมสามารถพึ่งพาตนเองตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่สามารถช่วยเหลือประชาชน ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมได้หลังจากนี้แล้วผู้ต้องขังที่จะรับการพ้นโทษ จะต้องไปดำเนินการในพื้นที่ตามภูมิลำเนาของตนเอง อันเป็นการสืบสานพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการสืบสานรักษาต่อยอด โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริต่างๆ ขอพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยการถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจ แก่ประชาชนเพื่อพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและช่วยกันพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าต่อไป