หนุ่มเมียนม่าร์ ปล่อยกู้ดับอนาถ ทรัพย์สินหายร่วมแสน ย่านเทียนทะเล 14

วันที่ 16 ก.ย.63 เวลา 23.30 น.ร้อยตำรวจโท สุริยา หาอุปละ รอง สว.สอบสวน สน.ท่าข้าม ได้รับแจ้งมีเหตุผู้เสียชีวิตจากการถูกทำร้าย ภายในซอยเทียนทะเล 14 จึงรีบรุดไปตรวจสอบพร้อมกองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เมื่อถึงที่เกิดเหตุภายในซอยเทียนทะเล 14 ซอยย่อยม่วงสกุล 1 แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร เป็นอาคารที่พัก 6 ชั้น แบ่งให้เช่า เลขที่ 101/37 ชั้นละ 10 ห้อง เกิดเหตุ ห้องหมายเลข 65 ขนาดห้องกว้าง 3.5 เมตร ยาว 4.55 เมตร พบเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อ นาย จอ แธน ( KYAW THAN) อายุ 42 ปี เสียชีวิตบนโซฟาสีเขียวในลักษณะนอนหงายสวมใส่เสื้อยืดแขนสั้นสีเทา เปรื้อนเลือด กางเกงขายาวสีดำไม่สวมรองเท้า มีบาดแผลที่ลำคอเป็นแผลลึกเกือบขาด ลึกประมาณ 1 นิ้ว แผลเปิดกว้างขนาดใหญ่ ที่ลำคอ 2 แผล และที่สีข้างด้านขวา 1 แผล ที่หน้าอก 2 แผล ใต้แขนข้างขวา 3 แผล ที่ปากมีเสื้อคอกลมสีฟ้าอุดไว้ เลือดกระเด็นเต็มฝาผนักห้อง บริเวณภายในห้องมีร่องรอยการรื้อค้น ตู้ถูกรื้อค้น เศษกระจกแตกกระจาย เนื้อตัวเริ่มแข็งแล้วทราบจากผู้ให้ข้อมูลว่า ผู้ตายเป็นคนปล่อยเงินกู้ จะมีคนไปมาหาสู่ที่ห้องเข้าออกประมาณ 3-4 คน ทรัพย์สินที่ติดตัวอยู่มีแหวนเงินฝังวัสดุคล้ายเพชรที่นิ้วกลาง มือขวามีนาฬิกาสีทอง 1 เรือน ส่วนทรัพย์สินผู้ตายที่หายไป มีสร้อยคอและสร้อยข้อมือ น้ำหนักร่วม 10 บาทนาย วินแทค อายุ 22 ปี เป็น ผู้ประสานงานทางภาษาของชาวเมียนม่าร์ ซึ่งรู้จักกันทั้งผู้ตายและเพื่อนผู้ตายเล่าว่า ” ตนมาหาเพื่อน แล้วพอดีมีเหตุ มีตำรวจมา ตนจึงมาช่วยเหลือในเรื่องเป็นล่ามให้ทั้งเจ้าหน้าที่และเพื่อนผู้ตาย ที่เกิดเหตุเป็นห้องของผู้ตายซึ่งพักอาศัยกับเพื่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวเพื่อนชื่อ นาย โจ ทีไม่ทรายอายุ ไปสอบปากคำที่ สน. ท่าข้าม ผู้ตายเป็นชาวเมียนม่าร์ เชื้อสายยะไข่ “เบื้องต้นแพทย์นิติเวช สันนิษฐานการเสียชีวิตจากการถูกของมีคมปาดที่ลำคอ และตามร่างกาย ทำให้เสียเลือดมาก จนทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตทันที จึงส่งมอบให้กับอาสากู้ภันนำส่งสถาบันนิติเวช รพ.ศิริราชเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง ก่อนจะให้ญาติมารับร่างไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป ส่วนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามหาตัวคนก่อเหตุจากการสอบถามเพื่อนร่วมห้องและคนรู้จัก และเก็บร่องรอย ลายนิ้วมือบนห้องที่เกิดเหตุ ลงบันทึกรวบรวมไว้เป็นหลักฐานก่อนจะนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป