เมื่อวันที่ 17 มี.ค.64 นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เดินทางมาเป็นประธานเปิดเวที”ระเบิดความคิด จิตอาสา ภาษาพันชาลี” ที่ศาลาการเปรียญวัดหนองกาดำบำรุงธรรม ต.พันชาลี อ.วังทอง จ.พิษณุโลก โดยมี นายรณชัย จิตรวิเศษ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก นายบุญเหลือ บารมี นายอำเภอวังทอง ผู้นำท้องถิ่น ท้องที่และประชาชนชาวตำบลพันชาลีและตำบลใกล้เคียงจำนวนมากให้การต้อนรับ
ทั้งนี้โครงการ ระเบิดความคิด จิตอาสา ภาษาพันชาลี เป็นการขับเคลื่อนพลัง “บวร” ( บ้าน วัด โรงเรียน ) เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ “บวร” ร่วมกันขับเคลื่อนชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ร่วมกันสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน
กิจกรรมวันนี้ได้มีหน่วยบริการเคลื่อนที่ของหน่วยงานรัฐต่างๆกว่า 20 หน่วยงาน อาทิ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย ในการรับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำบัตรผู้พิการ ฝึกอาชีพให้แก่ผู้ว่างงาน ฯลฯ
นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาได้เดินทางไปจัดกิจกรรมและพบประชาชนที่ จ.ยะลา จ.ภูเก็ต ส่วนสัปดาห์นี้จึงเดินทางมาพิษณุโลก ส่วนสัปดาห์หน้าจะเดินทางไปจัดที่ จ.ยโสธร จ.อำนาจเจริญ จ.นครปฐม และภูมิภาคอื่นๆต่อไป
จากนั้น รมว.พม. ได้พร้อมมอบชุดอุปกรณ์และทุนประกอบอาชีพขายอาหารให้กับแม่เลี้ยงเดี่ยว จำนวน 1 ราย มอบเงินอุดหนุนปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้พิการจำนวน 2 หลัง มอบเงินอุดหนุนปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้สูงอายุจำนวน 2 หลัง มอบทุนการศึกษาสำหรับครอบครัวเด็กที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนจำนวน 120 รายฯละ 1,000 บาท มอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาความเดือดร้อนกลุ่มเปราะบาง จำนวน 122 รายฯ ละ 2,000 บาท
หลังจากนั้น รมว.พม.ได้เยี่ยมชมนิทรรศการและบูทของกลุ่มแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ประสพปัญหาต่างๆระหว่างนั้น ปรากฏว่ามี หญิงกลางคนร้องไห้โผกอดนายจุติ ไกรฤกษ์ ทราบชื่อต่อมา คือ นาง นงนุช เนียมหอม บ้านเลขที่ 19 หมู่ 7 ต.ท่าหมื่นราม อ.วังทอง พิษณุโลก ได้ยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่มีใจความระบุถึง ปัญหาเรื่องหนี้สิน ธกส. ซึ่งรมต.อ่านและนั่งรับฟังปัญหาและบอกว่า ใจเย็นๆ รัฐบาลยินดีช่วยเพราะต้องการแก้ปัญหาเรื่องหนี้สินครัวเรือนอยู่แล้ว พร้อมกับสั่งการให้กับผู้ว่าฯและนายอำเภอวังทองที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อรับทราบปัญหา และแก้ให้ นายนงนุช ซึ่งมีสีหน้า เริ่มสบายใจขึ้น แต่ก็ไม่หยุดร้องไห้
นาง นงนุช เนียมหอม เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ครอบครัวตนมีอาชีพทำนา จำนวน 65 ไร่ แต่เป็นเจ้าของที่ดินจำนวน 10 ไร่ ที่ผ่านมา สามีตน ไปกู้เงิน กับ ธกส.สาขาวังทอง โดยนำที่ดินจำนวน 10 ไร่ไปค้ำประกันเพื่อนำเงิน 7 แสนบาท มาใช้หมุนเวียนทำนาและซื้อรถยนต์มือสองแลรถไถนาคูโบต้า ต่อมาสามีตนเกิดอุบัติเหตุ ถูกต้นไม้ล้ม จนไม่สามารถเดินได้ กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ทำให้ยอดเงินกู้ 700,000 บาท ยังไม่ได้ชำระ เพราะไม่มีรายได้ใดๆ และตนบอกกับ ธกส.ว่า จะยอมให้ ธกส.ยึดรถไป แต่ ทาง ธกส. ก็ไม่ยอมยึดทรัพย์สิน อ้างว่า รถยนต์เก่าแล้ว กระทั่ง หัวหน้า ธกส. กลับแนะนำให้ลูกสาวตน กู้เงิน(อีกบัญชี) เพิ่มอีก 500,000 บาท ลักษณะเพื่อไปปิด/ลดยอดเงินกู้ของสามีตน(ยอดเงิน 7 แสน) ทำให้วันนี้ ทั้งสองบัญชี ไม่มีเงินผ่อนชำระ ส่วน ธกส.ก็ยังไม่ทำอะไร ทำให้ตนเครียด ไม่สบายใจ นอนไม่หลับ เพราะมียอดหนี้ ธกส.ทั้งหมด 1.2 ล้านบาท ก็ไม่รู้จะไปพึ่งใคร หมดหนทางจริงๆ
ปรีชา นุตจัรส รายงานข่าวพิษณุโลก
Leave a Reply