พบเด็กชายวัยขวบ 4 เดือนถูกทำร้ายถึงชีวิต เนื้อตัวเขียวช้ำ ย่านประชาอุทิศ

วันที่ 14 มีนาคม 2565 เวลา 18.30 น.
พ.ต.อ.สุกฤต มังคละสวัสดิ์ ผกก.สน.ราษฎร์บูรณะ พร้อมด้วย ร.ต.อ.วิศรุจ ทาทอง รอง สว.สอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ราษฎร์บูรณะ ได้รับแจ้งมีผู้เสียชีวิต ภายในซอยประชาอุทิศ 14 จึงประสานแพทย์นิติเวช และ อาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งมาสนับสนุนที่เกิดเหตุทันที เมื่อเจ้าหน้าที่ และ อาสาสมัครมาถึงที่เกิดเหตุ บริเวณท้าย ซอย ประชาอุทิศ 14 แขวง ราษฎร์บูรณะ เขต ราษฎร์บูรณะ กรุงเทพมหานคร พบร่างผู้เสียชีวิตเป็นเด็กชาย อายุ 1 ขวบ 4 เดือน นอนอยู่บนตักของผู้เป็นยาย และ มีแม่ของเด็กนั่งอยู่ข้างๆ ร้องไห้เสียใจโดยสภาพตามเนื้อตัวของเด็กมีรอยบาดแผลและ เขียวช้ำ ส่วนทางด้านแม่ของเด็ก อายุ 21 ปี กล่าวอ้างว่ามาอยุ่กินกับแฟนใหม่ อายุ 20 ปี แล้วมีอาชีพเป็นพนักงานส่งของเสื้อส้ม คบกันมาได้ 2 เดือนกว่า ช่วงเกิดเหตุฝ่ายแฟนใหม่ออกไปทำงานตามปกติ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนสน.ราษฎร์บูรณะ ได้ติดตามตัวแฟนใหม่พาตัวไปสอบสวนที่สน.เพื่อสอบหาสาเหตุการเสียชีวิตของหนุน้อยต่อไป และอยุ่ในขั้นตอนของการสอบสวนเพื่อขยายผล และทางด้าน ยาย ของเด็ก บอกว่า ตอนแรกตนอยู่ด้วยกันกับลูกสาวและหลาน แล้วเกิดทะเลาะกัน มีปากเสียงกัน ตนเลยเอ่ยปากบอก จะไปอยู่ไหนก็ไป ก็ไม่คิดว่าจะไปจริงๆ แล้วก็เอาหลานหนีมา ตนโทรหาก็ไม่รับ บล๊อคเบอร์ตนด้วย ตอนแรกๆ ตนก็ออกตามหา ไปแจ้งความ ทั้งโทรตาม ก็ติดต่อไม่ได้ ตอนแรกบอก ออกมาอยู่บ้านเพื่อน ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม จนถึงตอนนี้ พอมาวันนี้ มีสายไม่ได้รับ 3 สาย พอตนโทรกลับไป ลูกสาวบอก แม่ ว่าหลานของตนได้เสียชีวิตแล้ว ตนก็ตกใจ อุทานว่า กูว่าแล้ว ตนก็ถามว่าอยู่ที่ไหน ลูกสาวบอก อยู่ ประชาอุทิศ 14 ตนจึงรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาเลย เรียกแท๊กซี่มาเลย พอมาถึงก็เห็นหลานตายแล้ว ตัวมีรอยเขียวช้ำ ก็ถามไปโดนอะไรมา ใครทำ ลูกสาวบอกว่า ล้ม ตื่นมาก็ตายแล้ว ตนว่ามันจะล้มยังไงขนาดนี้ ต้องมีคนทำอะไรแน่ๆ แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร ตนเสียใจมาก เพราะเป็นหลานชายคนแรกคนเดียวด้วย ตนรักมาก ถ้าตนรู้ว่าอยู่ที่ไหน ตนมารับกลับไปแล้ว นี่ตนไม่รู้ลูกสาวบล๊อคเบอร์เพราะกลัวจะมารับหลานกลับไป ส่วนทางด้านคนขับรถแท๊กซี่ที่พายายมาส่ง บอกว่า ตนรับผู้โดยสารมาจาก อนามัยงามเจริญ ซอย 11 เพื่อมาส่งที่ ซอยประชาอุทิศ 14 ฟังจากผู้โดยสารบอกว่า ลูกสาวโทรมาบอกว่าหลานชายตาย จึงรับมาหา ตนจึงมาส่งที่ให้ที่นี่ และเมื่อมาเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวจึงโทรศัพท์แจ้งกู้ภัยให้มาตรวจสอบทันที

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจบันทึกภาพ และ สอบถามข้อมูลเบื้องต้นไว้เป็นหลักฐาน แล้วเชิญตัวผู้เป็นแม่ไปให้ปากคำเพิ่มเติมที่ สน. ถึงสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้งว่ามีใครเป็นผู้ทำร้ายเด็ก ก่อนจะดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนทางแพทย์นิติเวช มอบหมายให้อาสาสมัครกู้ภัยนำร่างส่งสถาบันนิติเวช เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตก่อนจะให้ญาติมาติดต่อขอรับร่างกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป