“สน.ลาดกระบัง เชิญผู้เสียหายให้ปากคำข้อเท็จจริงหลังร้องเรียน จตช.ไม่ได้รับความเป็นธรรมตกเป็นจำเลยในคดีร่วมกันเบียดบังเงิน 41 ล้าน ของมูลนิธิส่งเสริมพระพุทธศาสนาฯ!!

“สน.ลาดกระบัง เชิญผู้เสียหายให้ปากคำข้อเท็จจริงหลังร้องเรียน จตช.ไม่ได้รับความเป็นธรรมตกเป็นจำเลยในคดีร่วมกันเบียดบังเงิน 41 ล้าน ของมูลนิธิส่งเสริมพระพุทธศาสนาฯ!!

วันนี้ 24 มีนาคม 2565 เวลา 11.00 น.ที่สถานีตำรวจนครบาลลาดกระบัง ผู้สื่อข่าว รายงานว่า น.ส.ทัศนีย์ ลิ้มเจริญธัญญะผล พร้อมด้วย นายชณุนาท ณัฐภัทรกุล ทนายความ นำเอกสารหลักฐาน เข้าพบ พ.ต.ท.วสันต์ กันเกตุ สารวัตร พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลลาดกระบัง เพื่อให้ปากคำข้อเท็จจริง หลังยื่นหนังสือร้องเรียนถึง พล.ต.อ.วิษณุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา จากกรณีที่ตกเป็นจำเลย ในคดีร่วมกันเบียดบังเอาเงินจำนวน 41 ล้านบาท ของศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย และไม่ได้รับความเป็นธรรมจากพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลลาดกระบัง ในคดีดังกล่าว

นางสาวทัศนีย์ ลิ้มเจริญธัญญะผล เปิดเผยว่า วันนี้ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนจากที่ตนเองได้ทำหนังสือร้องเรียนถึง พล.ต.อ. วิษณุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) เพื่อขอความเป็นธรรม และให้ตรวจสอบเจ้าพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลลาดกระบัง ที่ทำคดีที่ตนเองตกเป็นจำเลยร่วมกับพวกอีก 7 คน ที่ถูกกล่าวหาโดยพระครูปลัดสุชาติ ฐานจาโร ประธานมูลนิธิศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษว่า ร่วมกันเบียดบังเอาเงินจำนวน 41 ล้านบาท ของมูลนิธิศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทยไป เป็นความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์หรือร่วมกันรับของโจร / ร่วมกันปลอม และใช้เอกสารสิทธิปลอม และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติ หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต โดยเหตุเกิดเมื่อปี 2559 และคดีความอยู่ระหว่างการขออนุญาตฎีกาในชั้นฎีกาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ

น.ส.ทัศนีย์ เปิดเผยต่อว่า คดีนี้ในชั้นสอบสวนพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลลาดกระบัง รับสอบสวนดำเนินคดี โดยไม่เปิดโอกาสให้ตัวเองชี้แจงพยานหลักฐานข้อเท็จจริงอย่างเป็นธรรม จึงทำให้ตัวเองเสียโอกาสในการต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม เมื่อคดีเข้าสู่การพิจารณาของศาล จนกระทั่งศาลมีคำพิพากษาชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์ให้จำคุกตัวเอง จำนวน 7 ปี / ส่วนจำเลยร่วมที่เหลือ รับคำพิพากษาแตกต่างกันไป และอยู่ในการสู้คดีชั้นฎีกา เช่นกัน ขณะเดียวกันยอมรับว่า ตั้งแต่การต่อสู้คดีในจุดเริ่มต้นของศาลชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์ ซึ่งส่วนตัวไม่รู้กฎหมาย หรือช่องทางในการร้องเรียนการทำงานของพนักงานสอบสวน จึงทำให้จำเป็นต้องใช้โอกาสนี้ขอความเป็นธรรมให้กับตัวเอง แม้ว่าคดีนี้ จะอยู่ในการพิจารณาในชั้นศาลฎีกาของศาลฯ แล้วก็ตาม

ด้าน นายชณุนาท ณัฐภัทรกุล ทนายความ ตั้งข้อสังเกตหลังจากเข้าพบตำรวจที่สถานีตำรวจนครบาลลาดกระบังเกี่ยวกับการร้องเรียนดังกล่าวว่า การสอบปากคำยังไม่เป็นไปตามหนังสือขอความเป็นธรรม ทั้งสถานีตำรวจนครบาลลาดกระบังซึ่งเป็นหน่วยงานที่ถูกร้องเรียน เป็นผู้สอบปากคำ น.ส.ทัศนีย์ เอง ทำให้การร้องขอความเป็นธรรมต่อพล.ต.อ.วิษณุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) อาจไม่เป็นผล

Leave a Reply

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com
Share via
Copy link