นำตัว3ผู้ต้องหาสอบสวนที่ สน.ยานนาวา

นำตัว3ผู้ต้องหาสอบสวนที่ สน.ยานนาวา

เมื่อเวลา 15.20 น. วันที่ 5 ตุลาคม 2566

ตำรวจควบคุมตัว นายสุวรรณหงษ์ พราหมณ์คณาจารย์ และ นายอัครวิชญ์ ใจทอง 2 พ่อลูก ขายอาวุธปืนให้ผู้ก่อเหตุ จาก อ.เมือง จ.ยะลา รวมถึง นายปิยะบุตร อายุ 31 ปี ผู้ขายและส่งกระสุนปืนให้ผู้ก่อเหตุครั้งแรก มาสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สน.ยานนาวา โดยมี พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผบ.ตร. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท. ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.สอบปากคำเบื้องต้นในห้องประชุมด้วยตนเอง
โดยระหว่างควบคุมตัวเข้าไปใน สน. ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนายอัครวิชญ์ คนผลิตอาวุธปืนแบลงค์กัน และนายปิยบุตร คนขายกระสุนปืนให้ผู้ก่อเหตุ ว่าทั้งคู่ทราบหรือไม่ว่าขายปืนและกระสุนปืนให้เด็กอายุ 14 ปี แต่ทั้งคู่ไม่ตอบอะไรเลย

ส่วนทางด้าน นาย สุวรรณพงศ์ พ่อของ นาย อัครวิชญ์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวระหว่างที่ถูกคุมตัวไปสอบสวนว่า ทราบว่าลูกชายผลิตอาวุธปืนแบลงค์กันไว้ขายตามอินเตอร์เน็ต ซึ่งที่ผ่านมาก็เคยเตือนลูกชายไว้แล้วว่าไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ แต่ลูกชายไม่เคยฟังตนเองก็ไม่รู้จะทำยังไง

นอกจากนี้ส่วนตัวยืนยันว่าไม่ทราบเลย ว่าลูกชายได้ขายอาวุธปืนขายให้กับเยาวชนอายุ 14 ปี ที่ไปก่อเหตุ แต่เพียงตอนที่รับเงินมาจากคนซื้อลูกชายได้ใช้ชื่อบัญชีของตนเองเท่านั้น โดยส่วนตัวยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่ทราบด้วยว่าคนที่มาซื้อปืนแบงค์กันจากลูกชายเป็นเยาวชนอายุเพียงแค่ 14 ปี
ต่อมา พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น เปิดเผยหลังสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 คน จากการสืบสวนสอบสวนเบื้องต้นพบว่านาย สุวรรณหงษ์ และ นาย อัครวิชญ์ ไม่รู้จักกับ นาย ปิยบุตร เพียงแต่ผู้ก่อเหตุได้ติดต่อซื้อปืนแบลงค์กันและกระสุนปืนคนละที่ และจากการสอบปากคำเบื้องต้นนาย สุวรรณหงษ์ และนาย อัครวิชญ์ ยอมรับว่าได้ผลิตปืนแบงก์กันจริง เปิดขายมา 1-2 ปี ซึ่งตอนนี้กำลังเก็บข้อมูลทั้งหมดว่ามีการจำหน่ายจ่ายแจกไปให้ใครบ้าง เพื่อดำเนินการในขั้นตอนต่อไป แต่ทั้ง 2 พ่อลูกไม่ทราบว่าคนซื้อเป็นเด็กอายุ 14 ปี เนื่องจากมีการพูดคุยกันผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ ในห้วงเดือนกันยายนและเดือนตุลาคม ซึ่งผู้ขายเปิดเป็นกลุ่มปิด เมื่อถูกจับได้ก็ปิดกลุ่มเดิมและไปเปิดกลุ่มใหม่ต่อ ซึ่งคนขายไม่ได้ให้ความสนใจว่าลูกค้าอายุเท่าไหร่ เพียงแค่ต้องการขายสินค้าเท่านั้น เมื่อมีคนติดต่อมาซื้อก็ขายให้ตามปกติ และจากการตรวจสอบพบว่ามีลูกค้าอีกหลายคนที่สั่งซื้อปืนแบงก์กันจาก นาย สุวรรณหงษ์ และ นาย อัครวิชญ์

ซึ่งจากการตรวจค้นบ้านพักของ 2 พ่อลูก พบกระสุนแบงก์กัน 209 นัด ท่อนเหล็กตัดท่อน (ลำกล้องปืน) 33 ท่อน สมุดบัญชีธนาคาร 2 เล่ม เสื้อยืดคอกลม สีเทา( ตัวที่ นาย สุวรรณหงส์ฯ ) สวมใส่ขณะกดเงิน แม็กกาซีนปืน 9 อัน และอุปกรณ์ดัดแปลงอาวุธปืนอื่น ๆ รวม 27 รายการ

ส่วน นาย ปิยบุตร คนขายกระสุนปืน ตำรวจจับกุมตัวได้ที่ทำงานย่านบางคอแหลม โดยระหว่างจับกุม นาย ปิยะบุตร พกปืนแบงก์กันติดตัวพร้อมกระสุนอีก 10 นัด จึงนำตัวไปตรวจค้นที่บ้านพัก พบกระสุนปืนขนาด .380 อีก 50 นัด และแม็กกาซีนอีก 2 อัน จึงได้จับกุมตัว แจ้งข้อกล่าวหาและนำตัวส่งพนักงานสอบสวน ซึ่งจนถึงตอนนี้ทั้ง 3 คนยังให้การปฏิเสธว่าไม่รู้ว่าลูกค้าคือเด็กอายุ 14 ปี และไม่รู้ว่าปืนที่ขายไปเป็นปืนที่เด็ก 14 ปี ใช้ก่อเหตุ

ส่วนที่มีรายงานว่าเด็กไปกู้เงินมาซื้อปืน ยังให้รายละเอียดไม่ได้ เพราะตอนนี้ยังไม่สามารถสอบปากคำเด็กอายุ 14 ปี ได้ ส่วนการออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมยังอยู่ระหว่างดำเนินการ

ส่วนกรณีที่มีภาพปรากฏว่าเด็กอายุ 14 ปี ได้ไปซ้อมยิงปืนที่สนามปืนแห่งหนึ่ง ประเด็นนี้ สน.ปทุมวัน จะเป็นผู้สืบสวนสอบสวน

และขณะนี้ได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ในข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และข้อหาร่วมกันจำหน่ายอาวุธปืนและกระสุนปืนสำหรับการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต

Leave a Reply

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com
Share via
Copy link