สระบุรี – ชายวัย 48 ปี คลั่ง ซดเหล้าและเสพยาบ้า ถือมีด 2 เล่ม ปีนขึ้นหลังคา ตะโกนด่าโวยวาย
วันที่ 14 ต.ค.64. เวลา 23.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสระบุรี ได้รับแจ้งว่ามี ชายคลุ้มคลั่งปีนขึ้นไปอยู่บนหลังคา สูงประมาณตึก 3 ชั้น และถืออาวุธมีดอยู่ในมือ ตะโกนโวยวาย อยู่ที่ ร้านสง่าดีเซล ศูนย์บริการเช็คปั๊ม หัวฉีด เทอร์โบ ถ.มิตรภาพติดกับห้างโลตัสสระบุรี ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี จึงได้รุดไปที่เกิดเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่าง และรถไฟแสงสว่าง ไปยังร้านดังกล่าว
พบ ประชาชนมุงดูกันเป็นจำนวนมาก บนหลังคามีชายคลุ้มคลั่งถืออาวุธมีด มีทั้งมีดยาวและมีดสั้น 2 เล่ม โวยวายอยู่ ซึ่ง ด้านล่างหลังคามีรถจอดหลายคัน พร้อมอุปกรณ์เครื่องมือ ทราบชื่อ นาย สุทธิพงษ์ หลวงแก้ว อายุ 48 ปี มีอาชีพรับจ้างทั่วไป บ้านเลขที่ 117/3 ชุมชนเขายิงเป้า ซึ่งอยู่ติดกับร้านสง่าดีเซล เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างได้เปิดไฟและใช้โทรโข่งเกลี่ย กล่อมให้ชายคนดังกล่าวลงมา แต่ชายคนดังกล่าวก็ไม่ยอมลง ได้ตะโกนโวยวายด่าผู้ที่มามุงดู และได้เดินวนไปมา พร้อม ใช้มีดยาวฟันหลังคาไปทั่ว จนแตกเป็นช่องโหว่ใหญ่ เศษกระเบื้องได้ตกมาถูกรถที่จอดอยู่ใต้หลังคาได้รับความเสียหาย จนเวลาผ่านไปเป็นชั่วโมงเห็นว่าชายคนดังกล่าวไม่ยอมลงมา เนื่องจากร่างกายของชายคนดังกล่าว อ่อนเพลีย เดี๋ยวนั่งเดี๋ยวนอนบนหลังคา จึงได้ขอรถกระเช้าจากเทศบาลเมืองสระบุรี เพื่อมารับตัว ชายคนดังกล่าวให้ลงจากหลังคา เพราะกลัวว่าจะเหยียบกระเบื้องแตกและตกลงมา กลัวว่าจะได้รับบาดเจ็บ แต่ชายคนดังกล่าวไม่ยอมลง และยังโกรธ ได้เอาเศษกระเบื้องปาใส่รถกระเช้าและรถไฟ ส่องแสงสว่าง ทำให้กระจกแตกทั้ง 2 คัน ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจ กู้ภัยสว่างและชาวบ้านที่มุงดู วิ่งหนีกันกระเจิง เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการปิดไฟ
ชายคนดังกล่าวยังมีการต่อรองบอกว่า อยากเห็นหน้าลูกสาว ให้ขึ้นมาบนหลังคา เจ้าหน้าที่จึงได้ใช้บันไดไม้ไผ่ยาว ให้ น.ส.โบว์ (นามสมมุติ) ปีนขึ้นไป แต่ยังไม่ทันถึงหลังคา ชายคนดังกล่าวก็ได้เดินมาดูหน้า และบอกว่า เห็นหน้าลูกสาวแค่นี้ก็ดีใจ แล้ว จึงไล่ให้ลงกลับไป แต่ทำอย่างไรชายคนดังกล่าวก็ไม่ยอมลง ขนาดปิดไฟแล้ว ให้เห็นหน้าลูกแล้ว ก็ยังไม่ยอมลง เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่าง จะขึ้นไปจับตัวชายคนดังกล่าว ก็กลัวว่าจะมีการต่อสู้ เพราะชายคนดังกล่าวมีอาวุธมีดถืออยู่ในมือ 2 เล่ม จึงนั่งเฝ้าดูจนกว่าชายคนดังกล่าวจะลง ในขณะนั้นชายคนดังกล่าวด้วยความมืดได้ย่องไปข้างหลังกำแพง และปีนลง ขณะนี้ได้หลบหนีอยู่ในบริเวณชุมชนเขายิงเป้า เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้กระจายกำลังค้นหากันอยู่ ถ้าจับได้จะนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นาย สุทธิพงษ์ ได้ดื่มเหล้าและเสพยาเสพติด ทำให้คลุ้มคลั่ง ถือมีดวิ่งเหมือนกับจะมีคนมาทำร้าย ได้วิ่งเข้าบ้านนู้นออกบ้านนี้ และได้คว้ามีดของชาวบ้านมาอีก 1 เล่ม เนื่องจากชุมชนเขายิงเป้าเป็นเนินสูง ลักษณะเป็นเขาขนาดเล็ก นาย สุทธิพงษ์ ได้ทิ้งตัวกลิ้งลงมา และปีนขึ้นไปอยู่บนหลังคาของร้านสง่าดีเซลดังกล่าว ทราบว่า นาย สุทธิพงษ์ เคยไปบวชเป็นพราหมณ์มาแล้วครั้งหนึ่ง แล้วได้หนีกลับบ้านโดยที่ไม่ได้ให้พระสึกตามพิธี และยังเคยถูกทำร้าย โดนฟันที่ขมับ นานมาแล้วนับ 10 ปี ทำให้ประสาทไม่ค่อยดี เวลากินเหล้าและเสพยาชอบทะเลาะกับชาวบ้านในระแวกนี้เป็นประจำ และพึ่งออกจากคุกมาไม่กี่เดือน ในคดีทำร้ายร่างกาย โดยใช้อาวุธมีดฟันคนในชุมชนเดียวกัน
เพื่อนบ้านเล่าให้ฟังว่า เห็นเขาวิ่งลงมาจากเขายิงเป้า ข้างหลังบ้านตน และได้วิ่งมาค้นมีดบ้านพี่ปราณี ได้มีดมา 2 เล่ม มีดยาวเขาถือมาอยู่แล้ว แต่มีดสั้นเข้ามาเอาในบ้านพี่ปราณี ส่วนสาเหตุตนไม่รู้ นิสัยเขาเพี้ยนๆ เป็นแบบนี้บ่อยครั้ง เคยฟันคนในชุมชนเดียวกัน และติดคุกไปพึ่งออกมา ในข้อหาทำร้ายร่างกาย เขาชอบกินเหล้าคนเดียว แต่วันนี้เป็นหนัก เพี้ยนเลย
ทางด้าน น.ส.เกตุสุดา หลวงแก้ว อายุ 38 ปี ( น้องสาว) เล่าว่า เหมือนเขาจำคนผิด พี่ตนเองชื่อไก่เหมือนกัน จึงได้โดนทำร้าย โดนฟันช่วงตา โดนตรงเส้นประสาทเลย รักษามาหลายสิบปีแล้ว ช่วงนั้นเขาไม่เป็นแบบนี้ ช่วงตอนที่แกติดคุก 20 ปี ออกมาหลายปีแล้ว และก็มีอาการแบบนี้ อยู่บ้านก็ไม่มีใครทำให้เครียด แต่เขาทำตัวเขาเอง ระแวงว่าญาติพี่น้องจะทำร้าย และแจ้งตำรวจจับ แกเคยไปบวชมาแล้ว แต่ไม่ได้สึกตามพิธี แกก็เลยถึงเป็นแบบนี้ ไม่เคยไปหาหมอเลย ติดคุกยังไงออกมาก็เป็นแบบนั้น เป็นแบบนี้ตลอด มีติดยาเสพติดบ้าง ทั้งกินและก็ดูด ช่วงนี้เป็นแบบนี้บ่อยครั้ง จะหลอนไปทั่ว
มีสัมฯ เพื่อนบ้าน
มีสัมฯ น.ส.เกตุสุดา หลวงแก้ว ( น้องสาว)
สมภพ พิมมะศร
Leave a Reply