ลูกสาวช็อกพระบิดาใช้ประคตผูกคอดับคากุฏิ

ลูกสาวช็อกพระบิดาใช้ประคตผูกคอดับคากุฏิ
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 28 กันยายน 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางเสาธง ได้รับแจ้งว่ามีพระภิกษุผูกคอเสียชีวิตภายในกุฏิห้องพักภายในวัดแห่งหนึ่ง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ จึงประสาน แพทย์เวรจากโรงพยาบาลบางเสาธง และเจ้าหน้าที่สมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู เดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ
พอเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงก็พบว่าเป็นกุฏิปูนสองชั้นที่อยู่ด้านหลังใกล้เมรุของทางวัดดังกล่าว ซึ่งจากการตรวจสอบที่กุฏิชั้นล่าง พบศพ พระภิกษุรูปหนึ่ง อายุ 68 ปี ใช้สายรัดประคต ผูกคอตนเองกับเหล็กดัดของหน้าต่างภายในกุฏิห้องพัก โดยเสียชีวิตคาสบงจีจรของพระสงฆ์ เสียชีวิตในท่านั่งห้อยคอตนเองกับหน้าต่าง คาดเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง จากการตรวจสอบสภาพศพไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด โดยมีทางด้านบุตรสาวและครอบครัว ซึ่งทราบข่าวพากันเดินทางมายังที่เกิดเหตุและถึงกับห้องไห้โฮด้วยความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
จากการสอบถาม นาย ไพรัตน์ เพิ่มพูน ผู้ที่มาเจอศพคนแรกบอกว่า หลวงตามีโรคประจำตัวทั้งเบาหวาน ควานดัน จนทำให้ต้องตัดขาข้างขวาทิ้งไปและต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเรื่อยมา โดยจะต้องไปพบแพทย์สัปดาห์ละสองครั้ง ซึ่งจะมีรถประจำมารับไปรพพร้อมกับพระเพื่อนอีกองค์ จนกระทั่งมาวันนี้รถแท็กซี่ประจำที่ต้องมารับหลวงตามาที่วัดเพื่อมารับไปรพแต่พอเปิดประตูกุฏิเข้าไปก็พบว่าเสียชีวิตแล้ว
ขณะที่ นาย รุ่งวิทย์ พุ่มดารา ผู้ใหญ่บ้านที่เกิดเหตุบอกว่า หลังจากได้รับแจ้งจากลูกบ้านก็เดินทางมาตรวจสอบก็พบหลวงตาก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งสาเหตุจากการพูดคุยกับทางครอบครัวของหลวงตาทราบว่า หลวงตามีโรคประจำตัวหลายโรค จนกระทั่งมาช่วงหลัง ลูกสาวของหลวงตามาขอร้องให้หลวงตาสึกจากการเป็นพระเพื่อรับไปดูแลอย่างใกล้ชิดเพราะเห็นว่าหลวงตาป่วยหนัก แต่หลวงตาอาจคิดมากและไม่อยากเป็นภาระของลูกหลานจึงตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าว

ขณะที่บุตรสาวของหลวงตา (เบลอหน้าปิดชื่อ) ได้จุดธูปบอกกล่าวศพพระบิดาทั้งน้ำตาที่ท้ายรถเจ้าหน้าที่กู้ภัยก่อนจะนำร่างส่งไปยังนิติเวชรพรามาสมุทรปราการ โดยเปิดเผยกับนักข่าวเพียงสั้นๆว่า พระบิดาบวชเป็นพระสงฆ์มากว่าสามสิบปี ตั้งแต่ตนเองอายุได้เพียงสิบขวบ ที่ผ่านมาก็ทำหน้าที่คอยมาดูแลมาเยี่ยมพระบิดาที่วัดบ่อยครั้ง กระทั่งช่วงหลังมานี้พระบิดาล้มป่วยหลายโรคจนต้องตัดขาทิ้งเพื่อรักษาตัว ตนเองในฐานะบุตรสาวคนเดียว ก็ยังคงทำหน้าที่ดูแลพระบิดาอย่างดีเสมอมา จนก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ตัดสินใจมาคุยกับพระบิดาเพื่อขอให้สึกจากการเป็นสงฆ์เพื่อที่จะมารับตัวไปดูแลอย่างใกล้ชิดและสะดวกมากขึ้นในการดูแล โดยจะขอให้ลาสิขาในวันอาทิตย์นี้ แต่ก็ไม่คาดคิดว่าการขอให้ลาสิกขาเพื่อรับไปดูแลต่อนั้นจะกลายเป็นความเครียดที่ทำให้พระบิดาต้องก่อเหตุทิ้งตนเองไปในครั้งนี้