ชนสนั่น รถกระบะตู้ทึบเสยท้ายรถพ่วง 18 ล้อ บาดเจ็บ ไล่เลี่ยกันมีมอไซค์ประสานงากัน บาดเจ็บ 4 ราย

ชนสนั่น รถกระบะตู้ทึบเสยท้ายรถพ่วง 18 ล้อ บาดเจ็บ ไล่เลี่ยกันมีมอไซค์ประสานงากัน บาดเจ็บ 4 ราย
เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 28 ตุลาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางพลี สมุทรปราการ ได้รับแจ้งอุบัติเหตุรถกระบะตู้ทึบชนท้ายรถพ่วง 18 ล้อ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ที่เกิดเหตุ ถนนเทพารักษ์ กม.15 ขามุ่งหน้าบางพลี ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ หลังจากรับแจ้งจึงประสาน เจ้าหน้าที่มูลนิธิปอเต็กตึ๊ง เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ พบ ผู้บาดเจ็บ เป็น ชาย 1 ราย เป็น คนขับรถกระบะตู้ทึบ มีบาดแผลที่ศีรษะ เจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียง ส่วน รถกระบะตู้ทึบ โตโยต้า สีขาว ของผู้บาดเจ็บอยู่ในสภาพพังยับเยิน ห้องโดยสารด้านซ้ายฉีดขาด ปีนอยู่บนฟุตบาท ห่างกันไม่ไกล พบ รถพ่วง 18 ล้อ บรรทุกม้วนเหล็ก จอดอยู่ในลักษณะจะเลี้ยวโรงงานโดยท้ายยังอยู่บนถนนเลนกลาง สภาพมีร่องรอยการถูกเฉี่ยวชนด้านท้ายเสียหาย ส่วนโชเฟอร์รถพ่วงยืนรอให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่
จากการสอบถาม นายอาทิตย์ ธนะศรี โชเฟอร์รถพ่วง เล่าว่า ขณะที่ตนเองกำลังเลี้ยวรถเข้าโรงงาน แต่ประตูมันปิดอยู่ จังหวะที่ตนเองกำลังลงไปเรียกยามให้เปิดประตู รถกระบะคันดังกล่าวก็มาชนท้ายรถตนเอง ส่วน ผู้บาดเจ็บ เล่าว่า ตนเองกำลังวิ่งงานอยู่ ขณะขับรถมามารถพ่วงลักษณะมาขวางหน้า ตนเองจึงหักหลบออกมา โดยรถพ่วงคันดังกล่าวจอดเพื่อรอจะเข้าโรงงานแต่ท้ายรถพ่วงมันยื่นออกมา ทำให้ตนเองหลบไม่พ้นจนเฉี่ยวชนดังกล่าว
ซึ่งในเวลาไล่เลี่ยกัน เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกันได้รับบาดเจ็บ 4 ราย บริเวณถนนเทพารักษ์ กม.13 ขามุ่งหน้า สำโรง หน้าทางเข้าโรงพยาบาลบางพลี ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เจ้าหน้าที่กู้ภัย จึงได้แบ่งกำลังจากจุดเกิดเหตุดังกล่าว ไปช่วยเหลืออุบัติเหตุที่เข้ามาซ้อนกัน โดยในจุดเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ พบ ผู้บาดเจ็บ จำนวน 4 ราย นอนอยู่เกลื่อนถนน เจ้าหน้าที่จึงแบ่งกำลังช่วยกันปฐมพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งทั้งหมด บาดเจ็บคนละเล็กคนละน้อย ก่อนนำส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงที่เกิดเหตุ ส่วนสาเหตุนั้น ทราบว่าเป็นการเฉี่ยวชนกัน
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ ได้ทำแผลที่ พร้อม ถ่ายรูป ไว้เป็นหลักฐาน พร้อมจะตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่อยู่ในจุดเกิดเหตุ และ บริเวณใกล้เคียง เพื่อหาสาเหตุของอุบัติเหตุที่แท้จริงต่อไป