ราชบุรี – หน่วยงานชี้แจงชาวบ้าน กรณีอนุญาตนายทุนตักทรายในแม่น้ำ

หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงชาวบ้านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงชาวบ้านกรณีอนุญาตให้นายทุนตักทรายในแม่น้ำ ทำให้ทรายด้านข้างนั้นไหลลงไปในบริเวณที่มีการตักทรายทำให้ดินพังทลาย จนกรมเจ้าท่าออกมาชี้ให้หยุดตักทราย

วันที่ 5 ธ.ค.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า.. ที่ศาลากลางหมู่บ้าน หมู่ที่ 14 ต.ด่านทัพตะโก อ.จอมบึง จ.ราชบุรี นายประยงค์ จันทเต็ง นายอำเภอจอมบึง พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ด่านทับตะโก ศูนย์ดำรงธรรม จ.ราชบุรี กรมเจ้าท่า สปก. ธนารักษ์ ที่ดินอำเภอจอมบึง อุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่กองพลพัฒนาที่ 1 เทศบาลตำบลด่านทับตะโก อบต.ด่านทับตะโก กำนันและผู้ใหญ่บ้าน ได้เข้าชี้แจงกับชาวบ้านหมู่ 2 และหมู่ 14 ต.ด่านทับตะโก อ.จอมบึง กรณีที่มีการอนุญาตให้นายทุนเข้าไปขุดทรายในแม่น้ำลำภาชี หลังชาวบ้านได้ไปร้องเรียนกับศูนย์ดำรงธรรม จ.ราชบุรี ว่าตลิ่งริมแม่น้ำนั้นพังทลายทำให้ที่ดินที่เคยทำกินนั้นกลายเป็นแม่น้ำ เนื่องจากนายทุนนั้นขุดทรายในแม่น้ำจนลึก ทำให้ทรายด้านข้างนั้นไหลลงไปในบริเวณที่มีการขุดทรายทำให้ดินพังทลาย นอกจากนี้นายทุนยังได้ทำถนนปิดกั้นลำน้ำเป็นเปลี่ยนแปลงเส้นทางการไหลของน้ำ ทำให้น้ำนั้นไหลเข้าเซาะตลิ่งด้านข้างถนนที่ชาวบ้านใช้สัณจรเข้าออกเริ่มทรุดตัวลง ชาวบ้านเกรงว่าถ้าปล่อยให้มีการดำเนินการต่อไป ถนนที่ชาวบ้านได้ใช้ก็จะพังทลายลงไปหมด จึงได้ไปร้องเรียนดังกล่าว ซึ่งที่ผ่านมาชาวบ้านเคยร้องเรียนให้มีการตรวจสอบมาหลายครั้งแล้ว แต่เรื่องก็เงียบหายไป จนตอนนี้พื้นที่ที่มีการขุดทรายกลายเป็นแม่น้ำกว้างกว่า 800 เมตรแล้ว พร้อมทั้งนายภูริพัฒน์ ธีรกุลพิสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 3 ได้สั่งการให้ทางนายทุนหยุดตักทรายในพื้นที่แม่น้ำลำภาชีที่ทำให้เกิดปัญหาปิดกั้นทางน้ำและเปลี่ยนเส้นทางน้ำจนเกิดความเสียหายพร้อมทั้งได้ยื่นหนังสื่อร้องเรียนเข้าไปยัง พ.ต.ท เธียรรัตน์ วิเชียรสวรรค์ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการธรรมมาภิบาล จังหวัดราชบุรี เร่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าแก้ใขปัญหาที่ที่ขัดแข้งโดยเร่งด่วน

โดยนายประยงค์ จันทร เต็ง นายอำเภอจอมบึง ได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำการชี้แจงและวิธีการดำเนินการของแต่หน่วย และให้แต่ละหน่วยงานได้บังคับใช้กฎหมายของหน่วยงานอย่างเคร่งครัด ส่วนการขออนุญาติในการขุดทรายนั้น ทางเจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมได้มีการชี้แจงว่าใบอนุญาติของผู้ประกอบการายนี้มี 2 ใบ เนื่องจากมีพื้นที่อยู่ในสองหมู่ ซึ่งแต่ละใบนั้นใช้ได้ครั้งละ 5 ปี มีต่อใบอนุญาตมาแล้ว 2 ครั้ง และครั้งที่สามจะหมดในปี พ.ศ. 2564 ซึ่งการต่อใบอนุญาตินั้นไม่ต้องสอบถามความคิดจากพื้นที่ข้างเคียงหรือชาวบ้านเพราะเป็นการต่อใบอนุญาติ ซึ่งหลังมีเรื่องร้องเรียนทางอุตสาหกรรมได้มีหนังสือแจ้งให้ทางผู้ประกอบได้ทำการชี้แนวที่ดินของตนเอง โดยไปยื่นเรื่องขอสอบเขตแนวที่ดินกับสำนักงานที่ดิน หลังจากก็จะต้องไปตรวจสอบอีกครั้งว่าตรงตามแบบที่มีการยื่นขออนุญาติไว้หรือไม่ เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ส่วนการตรวจสอบแนวเขตที่ดินนั้นจะมีการทำภายใน 60 วัน ซึ่งทางสำนักงานที่ดินก็แจ้งว่าจะมาทำการตรวจสอบแนวเขตในวันที่ 27-28 ธ.ค.นี้ และจะได้ทำการแจ้งผลการดำเนินการให้กับชาวบ้านได้รับทราบต่อไป