สกลนคร เย้ยกฎหมาย มีการจัดแข่งขันบั้งไฟ ในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉิน โควิด 19 อ้างว่า เคลียร์นายอำเภอและตำรวจแล้ว

สกลนคร เย้ยกฎหมาย มีการจัดแข่งขันบั้งไฟ ในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉิน โควิด 19 อ้างว่าเคลียร์นายอำเภอและตำรวจแล้ว

เมื่อวันที่ 7 – 8 พฤษภาคม 2564 นายชัยวุฒิ ทุมกิจจะ กำนันตำบลสว่าง อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร รับแจ้งจากนายสมพร ผู้ใหญ่บ้านสว่าง หมู่ 1 รับแจ้งจากผู้เล่นบั้งไฟ (นาย อุทัย ขอสงวนนามสกุล เจ้าของสถานที่จัดงาน) ว่าจะมีการจุดจุดบั้งไฟแก้บนประมาณบั้ง 2 บั้ง ซึ่งเป็นสถานที่ทำไร่ของตน ในพื้นที่บ้านสว่างหมู่ที่ 1 ตำบลสว่าง อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร ซึ่งอยู่ในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉิน covid 19 จึงได้รายงานให้กำนันและนายอำเภอทราบ

เมื่อถึงวันงานนายอุทัยได้นำบุคคลนอกพื้นที่เข้ามาในพื้นที่หมู่ 1 เป็นจำนวนมาก กว่า 50 คน ซึ่งไม่ได้เป็นไปอย่างที่พูด โดยมีการจัดการแข่งขันบั้งไฟของกลุ่มคนที่ไม่ใช่คนในพื้นที่ ในวันที่ 7-8 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมาโดยนายอุทัยได้กล่าวอ้างว่าได้ขอทางอำเภอ และ สภ.สว่างเรียบร้อยแล้ว

ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่ามีการขออนุญาตจากทางอำเภอ และ สภ.สว่างจริงหรือไม่ ระหว่างกลุ่มบุคคลที่รวมตัวกันแข่งขันบั้งไฟนั้น ซึ่งมีพระสงฆ์รวมอยู่ด้วย

นายสมพร คำชนะ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ตำบลสว่างจึงได้ประสาน สภ.สว่าง ให้ทราบแล้วแต่ไม่มีการดำเนินการแต่ประการใด จากนั้นได้ประสานไปที่กำนันและนายอำเภอซึ่งนายอำเภอปัดความรับผิดชอบ ได้ให้ตนเองนั้นประสานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองโดยตรง เพราะตนเองมองเห็นว่าเป็นช่วงระบาดของ covid 19 จึงไม่น่าจะสามารถจัดกิจกรรมต่างๆได้ และทางรัฐบาลได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเกี่ยวกับโรคติดต่อแต่ก็ยังมีการจัดงานดังกล่าวขึ้นได้อย่างไร และขอจัดงานจริงหรือไม่ เจ้าหน้าที่อนุมัติจริงหรือไม่ เพราะตอนแจ้งกับผู้ใหญ่บ้านแค่บอกว่าแก้บน พอเข้าไปสอบถามกลับกลายเป็นว่าแข่งขันจุดบั้งไฟ โดยเจ้าตัวได้กล่าวอ้างเคลียร์กับนายอำเภอและเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียบร้อยแล้ว

ด้านนายสมพร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า นาย อุทัย มาแจ้งตนว่าจะทำการจุดบั้งไฟเพื่อแก้บนซึ่งปีนี้ตนได้กำไรจากการทำไร่มากกว่าเดิมโดยจะมีการจุดบั้งไฟประมาณบั้ง 2 บั้ง ตนเองนั้นก็ไม่ได้ว่าอะไร

พอถึงวันจริงๆแล้วมันไม่ใช่ มีรถบุคคลนอกพื้นที่ทยอยเข้ามาประมาณ 40 ถึง 50 คัน มีการตั้งร้านขายของ และจัดงานเป็นจำนวน 2 วัน ตนจึงได้รายงานไปที่กำนันตำบลสว่างเพื่อให้กำนันได้รายงานนายอำเภอตามลำดับชั้นต่อไป

หลังจากนั้นตนได้ไปแจ้งความที่ สภ.สว่าง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รับแจ้งความจากผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งรอ ประมาณ 30 นาที พอเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองโทรหาก็เลยออกมาจากโรงพักแล้วตรงเข้าจับกุมร่วมกับฝ่ายปกครอง ซึ่งตนเดินทางไปถึงก่อนเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ซึ่งได้บอกนายอุทัยให้ยกเลิกการจุดบั้งไฟแต่ทางด้านนายอุทัยผู้จัดงานบอกว่าคุยกับอำเภอแล้วว่าจะเลิกตอน 17:00 น. ตนจึงแจ้งไปว่าหากไม่เลิกตอนนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจะทำการจับกุมแล้ว แต่ก็ยังไม่เป็นผลจนเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้เข้ามาทำการจับกุมดังกล่าว บางส่วนถึงได้วิ่งหนีการจับกุมไป

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้ตรวจยึดบั้งไฟจำนวนทั้งหมด 5 บั้ง ซึ่งยังไม่ได้จุดนำไปเก็บไว้ที่ฝ่ายปกครองอำเภอพรรณานิคม ในส่วนผู้ต้องหาเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้ว่ากล่าวตักเตือนและปล่อยตัวไปทั้งหมดโดยไม่ได้มีการทำบันทึกการจับกุมแต่อย่างใด ทางด้านผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ตำบลสว่างกำนันตำบลสว่างต่างก็ยังงงที่ทำไมทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองไม่ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมดเพียงแค่ยึดบั้งไฟไปเก็บไว้เท่านั้นทั้งนี้ทางอำเภอยังตั้งคณะกรรมการสอบสวนผู้ใหญ่บ้านและกำนันอีกต่างหากโดยจะเรียกไปสอบภายในวันที่ 13 พฤษภาคม เวลา 13:00 น. จึงอยากขอความเป็นธรรมเชิญพี่น้องสื่อมวลชนมาร่วมกันสอบถามนายอำเภอว่าเหตุไฉนแจ้งดำเนินการไปแล้วกลับไม่ดำเนินการอะไรเลยหรือว่ามีผลประโยชน์ตรงจุดนี้ ผมเป็นผู้ใหญ่บ้านเป็นเจ้าของพื้นที่แต่กลับไม่ได้รับความเหลียวแลจากนายอำเภอกลับตั้งคณะกรรมการสอบสวนผมกับกำนันอีกผมก็ไม่เข้าใจผมผิดตรงจุดไหน ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ตำบลสว่างกล่าว

แอ๊ดอันดา

ศูนย์ข่าวเรื่องจริงผ่านเลนส์ประจำจังหวัดสกลนคร

Leave a Reply

Social Media Auto Publish Powered By : XYZScripts.com
Share via
Copy link