ไฟไหม้ป่าปรือหวิดลามเข้าร้านอาหาร เจ้าของลั่นไม่ใช่ภัยธรรมชาติแต่เป็นฝีมือมนุษย์

วันที่ 22 เมษายน 2566
เวลา 21.28 น.

อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน ( อปพร.เขต ราษฎร์บูรณะ ) รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้หญ้าและกองขยะ ภายในซอยพุทธบูชา 36 จึงรีบรุดจัดกำลัง พร้อมประสาน เจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยทุ่งครุ พร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เร่งรัดตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที

เมื่ออาสาสมัครมาถึงที่เกิดเหตุพบจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณป่าปรือซึ่งเป็นพื้นที่รกร้างมีต้นหญ้า และต้นไม้พันธ์ุต่างๆ ขึ้นแซมมาบนเนื้อที่กว่า 10 ไร่ ซึ่งพื้นที่บริเวณดังกล่าวมีต้นปรือ หรือต้นธูปฤาษี ขึ้นเกือบเต็มพื้นที่ สถานที่ตรงนี้ชาวบ้านภายในละแวกแถวนี้ต่างก็เรียกกันว่าป่าปรือ อยู่ภายในซอยพุทธบูชา 36 ถนน พุทธบูชา แขวง บางมด เขต ทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร พบแสงเพลิงและกลุ่มควันจำนวนมากพวยพุ่งออกมาและทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆตามกระแสลมที่พัดมาจนลุกลามใหญ่โตจนเป็นวงกว้างเกือบเต็มพื้นที่ แต่ที่สำคัญสุดคือเมื่อสุดเขตของป่าทั้งสองด้านทั้งซ้ายและขวาจะติดกับสิ่งปลูกสร้างของประชาชนที่อาศัยอยู่ ถ้าด้านซ้ายของป่าดังกล่าวจะติดกับโรงปูนขนาดใหญ่ของเอกชน แล้วโดยรอบโรงปูนดังกล่าวมีที่พักคนงานอยู่ด้วยซึ่งปลูกเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวติดกันจำนวนหลายหลัง แล้วทางด้านขวาจะติดกับร้านอาหารซึ่งกำลังตกแต่งต่อเติมจนใกล้เสร็จพร้อมเปิดกิจการอีกไม่กี่วันซึ่งทางด้านเจ้าของร้านอาหารดังกล่าวต้องใช้เงินเก็บมาตลอดทั้งชีวิตเพื่อมาลงทุนสร้างกิจการร้านอาหารแห่งนี้เพื่อใช้ชีวิตในบั้นปลายกับครอบครัว แล้วถ้าเกิดต้องสูญเสียร้านอาหารแห่งนี้ไปเขาคงจะหมดสิ้นทุกอย่างแล้ว อย่างแน่นอน

เมื่อตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้อาสาสมัครจึงระดมกำลังทุ่มเทจัดวางสายน้ำฉีดสกัดเพลิงเป็นการเร่งด่วนและพยายามทุ่มเทจนสุดกำลังความสามารถจนระงับเหตุเอาไว้ได้ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมงเพลิงจึงสงบ และจากการตรวจสอบโดยรอบไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว

จากการสอบถาม นาย กมล อายุ 57 ปี ผู้เช่าพื้นที่ บอกเล่าว่า ตนเห็นไฟมันเริ่มไหม้ขึ้นที่ริมถนนใกล้ๆกับทางร้านของตน พรึบเดียวก็ลามเป็นวงกว้าง ตนจึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาช่วยดับ เพราะมันใกล้กับกระต๊อบที่ตนทำเป็นที่นั่งทานอาหาร พอรถเจ้าหน้าที่อาสามาถึงก็ช่วยกันสูบน้ำฉีดสกัดกั้นไว้ไม่ให้มันลามเข้ามาที่ร้านของตน ส่วนอีกทางด้านนึงก็ลามเร็วมาก ใกล้กับทางแคมป์พักคนงานของโรงปูน และทางด้านท้ายก็เป็นทางบ้านคน เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันระดมสกัดกั้นกันทุกด้าน แต่พอฉีดไปสักพัก กำลังจะดับ เมื่อมีลมพัดมา ไฟก็เริ่มปะทุขึ้นมาอีก แต่คนข้างหน้าถนนเค้าบอกว่า มีวัยรุ่นขี่รถมอไซค์ซ้อน 3 กันมาแล้วโยนอะไรเข้าไปในป่าก็ไม่รู้ สักพัก ไฟก็ไหม้ลุกลามอย่างรวดเร็ว แต่พื้นที่ตรงนี้ก็เคยไหม้ประจำทุกปี อาจจะเป็นเพราะ เศษใบเล็กของต้นป่าปรือมันปลิวเข้าบ้านคนทำให้รำคาญ หรือทำให้เค้าเดือดร้อนหรือป่าว เค้าถึงจะมาเผาเพื่อทำลาย ในความคิดตน ตนคิดว่าเป็นน้ำมือมนุษย์ ไม่ใช่เกิดจากภัยธรรมชาติอย่างแน่นอน

เบื้องต้นจากการตรวจสอบโดยรอบและจากการสอบถามจากผู้ที่เห็นเหตุการณ์จึงคาดว่ามีวัยรุ่นประมาณ 3 คน จับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไม่ทราบยี่ห้อและทะเบียน พอมาถึงจุดเกิดเหตุดังกล่าวแล้วได้ลงมือขว้างปาสิ่งของบางอย่างเข้าไปด้านในป่าปรือแล้วสักพักก็เกิดแสงเพลิงขึ้นมาแล้วลุกลามอย่างรวดเร็วแล้ว กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวพอลงมือเสร็จแล้วก็ขี่จักรยานยนต์หนีไป แล้วพอเจ้าหน้าที่ดับเพลิงกำลังพยายามเข้าระงับเหตุอยู่นั้น กลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวยังขับขี่รถจักรยานยนต์วนรถกลับมาแล้วลงมือจุดไฟเผาซ้ำอีกรอบ แต่คราวนี้มีชาวบ้านที่อยู่บริเวณดังกล่าวเห็นจึงช่วยกันขับไล่ผู้ก่อเหตุจึงได้หลบหนีออกไปจากจุดเกิดเหตุอย่างรวดเร็ว จึงสรุปได้ว่าสาเหตุที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของมนุษย์แน่นอนไม่ได้เกิดจากภัยธรรมชาติแต่อย่างใด